ครูบ้านนอก

การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2. เพื่อพัฒนาการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3. เพื่อทดลองใช้การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4. เพื่อประเมินผลและปรับปรุงการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ของนักเรียน ก่อนและหลังใช้การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนทีมีต่อการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาล ๑ (ราษฎรบำรุง) สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน ได้มาโดยวิธี การสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม ผู้วิจัยได้ดำเนิน การสอนด้วยตนเอง ใช้เวลา 14 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน 4 เล่ม 3) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 14 แผน 4) แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ เป็นข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 5) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนทีมีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (× ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) หาค่าประสิทธิผล (E.I.) และการทดสอบค่าที (t-test)

ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนและครูกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เห็นความสำคัญต่อการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต้องการให้แบบฝึกมีรูปแบบที่แตกต่างจากหนังสือเรียนทั่วไป มีความน่าสนใจเหมาะสมกับวัยและความต้องการของนักเรียน 2) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.29/85.58 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 3) ทดลองใช้แบบฝึกทักษะ จำนวน 6 เล่ม 14 แผนการเรียนรู้รวม 14 ชั่วโมง พบว่า ผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5) ความคิดเห็นของ นักเรียนทีมีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า โดยภาพรวมนักเรียนมีความคิดเห็นอยู่ ในระดับมากที่สุด และนักเรียนมีความคิดเห็นว่าการทำแบบฝึกทักษะ ทำให้สามารถแก้โจทย์ปัญหาได้มากขึ้น เข้าใจง่าย เป็นต้น

เว็บน่าสนใจ