|
|
การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สังเคราะห์องค์ประกอบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (2) สร้างรูปแบบการบริหาร (3) ทดลองใช้และทดสอบประสิทธิผลของรูปแบบการบริหาร และ (4) ปรับปรุงรูปแบบการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการจัด การเรียนรู้และการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนของโรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การสังเคราะห์องค์ประกอบและสร้างรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร และแบบประเมินความเหมาะสม ความสอดคล้องเชิงทฤษฎี ความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ และคุณประโยชน์ ระยะที่ 2 การทดลองใช้และทดสอบประสิทธิผลของรูปแบบ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูและนักเรียน จำนวน 126 และ 537 คน ตามลำดับ ในปีการศึกษา 2562 ของโรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมิน และแบบสอบถาม และระยะที่ 3 การปรับปรุงรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประเด็นสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า (1) ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม มีจำนวน 9 องค์ประกอบ ได้แก่ (1.1) การมีความสามารถทางสังคม (1.2) การมีความรู้ความสามารถและเข้าใจนักเรียน (1.3) การมีความสามารถในการโน้มน้าวและสร้างแรงบันดาลใจ (1.4) การไว้วางใจของผู้บริหารและคณะครู (1.5) การมีค่านิยมร่วม (1.6) การมีเป้าหมายและวิธีการร่วม (1.7) การมีอำนาจตัดสินใจ (1.8) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการปฏิบัติงาน และ (1.9) การมีอิสระทางความคิด (2) รูปแบบการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพมีจำนวน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 2.1) หลักการและแนวคิด 2.2) วัตถุประสงค์ 2.3) กระบวนการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 6 ขั้นตอน ได้แก่ วิเคราะห์ วางแผน ออกแบบ ปฏิบัติ ตรวจสอบ และปรับปรุง (3) ผลการทดลองใช้พบว่า (3.1) ความสามารถด้านการจัด การเรียนรู้ของครูหลังใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนใช้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (3.2) ความสามารถด้านการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูหลังใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนใช้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (3.3) ครูมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารในระดับมากที่สุด และ (3.4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของครูในระดับมาก และ (4) รูปแบบการบริหารมีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันมากขึ้น
|
โพสต์โดย DrMON : [5 ต.ค. 2563 เวลา 07:58 น.] อ่าน [5231] ไอพี : 223.207.255.13
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 17,207 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 1,752 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 20,378 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,916 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,061 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,600 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,225 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 24,297 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,725 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,980 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,567 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,290 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 5,135 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,923 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,068 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 24,507 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,539 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,819 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,960 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 19,423 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|