บทคัดย่อ
การทำวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต โดยใช้หลักการบริหารจัดการแบบ 4ป Model เพื่อยกระดับระบบการบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต ด้วยรูปแบบ 4 ป Model 2) เพื่อเสนอรูปแบบการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม ด้วยรูปแบบ 4 ป Model 3) เพื่อประเมินระดับการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานและประเมินผลการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ตด้วยรูปแบบ 4 ป Model ประกอบด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เลือกจากประชากรทั้งหมด โดยพิจารณาตามวิธีการวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของการศึกษาเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม กำหนดจำนวนตัวอย่าง ด้วยวิธี Taro Yamane ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ใช้วิธีการกำหนดจำนวนตัวอย่างแต่ละกลุ่มแบบโควต้า (Quota Sampling) ในแต่ละกลุ่มใช้การเก็บตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เพิ่มจำนวนกลุ่มตัวอย่างอีกร้อยละ 10 เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนในการตอบรับ ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 170 คน ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้าสายงานบริหาร จำนวน 12 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 10 คน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองประจำสายชั้น จำนวน 55 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 93 คน สำหรับการศึกษาเชิงคุณภาพ จำนวนตัวอย่างเป็นไปตามหลักการการศึกษาด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ
งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (งานวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ) ในรูปแบบ
การวิจัยและการพัฒนา (Research and Development) เพื่อศึกษารูปแบบการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมด้วยรูปแบบ 4 ป Model โดยครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาร่างรูปแบบและกิจกรรม การทดลองดำเนินการ การประเมินผล
ผลการวิจัย
1. ผลการศึกษาสภาพการดำเนินงานพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต
1) ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน พบว่า สภาพแวดล้อมด้านปัจจัยภายในโรงเรียนในส่วนที่เป็นจุดแข็ง ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนา คือ โรงเรียนมีระบบการบริหารการจัดการแบบกระจายอำนาจ โดยเน้นการมีส่วนร่วม มีโครงสร้างและนโยบายดำเนินงานที่ชัดเจนเป็นระบบ บุคลากรทุกฝ่ายมีความตั้งใจในการปฏิบัติงาน ครูมีความพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีระบบการใช้จ่ายเงินถูกต้องตามระเบียบ สามารถตรวจสอบได้ ทำให้การจัดการศึกษาของโรงเรียนเป็นไปอย่างมีระบบ ในด้านผลผลิตและการบริการ โรงเรียนประสบความสำเร็จในการส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันตามศักยภาพ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี โรงเรียนมีจุดอ่อนในประเด็นบุคลากรบางส่วนขาดการนำสื่อเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเรียนการสอน
2) การดำเนินงานระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต ดำเนินการตามแนวทาง ขั้นตอนและกระบวนการของต้นสังกัดคือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีประเด็นท้าทายที่สำคัญที่ควรดำเนินการคือ 1) การดำเนินงานเชิงระบบอย่างมีประสิทธิภาพ (PDCA) ด้วยการจัดการข้อมูล 2) การเพิ่มความเข้มแข็งของเครือข่ายอุปถัมภ์หรือการมีส่วนร่วม และ 3) การพัฒนาบุคลากร
2. ผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ตด้วยการมีส่วนร่วม
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์บุคลากรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนอนุบาลภูเก็ตด้วยการมีส่วนร่วม ได้ข้อสรุปว่าควรมีลักษณะ ดังนี้
1) ระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษามีความจำเป็นต่อการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนมากที่สุด เพราะการประกันคุณภาพจะเป็นกลไกที่คอยกำกับการดำเนินงานของโรงเรียนไปสู่เป้าหมาย
2) การขับเคลื่อนระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา และการมีส่วนร่วมในการทำงานจะประสบความสำเร็จได้ดีนั้นจำเป็นจะต้องพัฒนาหรือสร้างความตระหนัก และความรู้ความเข้าใจของบุคลากรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ระบบการดำเนินงานประกันคุณภาพภายในแบบมีส่วนร่วมที่ดีนั้นควรดำเนินการตามวงจรคุณภาพ (PDCA)
3) ต้องใช้กระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษาเป็นเครื่องมือหรือกระบวนการในการกำกับติดตามการดำเนินงานในทุกขั้นตอน
4) ต้องมีการสรุปและรายงานผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง เพื่อจะได้นำผลการดำเนินงานมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
3. การพัฒนารูปแบบ และ รายละเอียดการดำเนินการทดสอบระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ตด้วยรูปแบบ 4 ป Model
จากการศึกษาสภาพการดำเนินงานพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ตด้วยการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบของระบบการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต ได้เป็นรูปแบบการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน 4 ป Model ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การประชุม (ป : ประชุม)
เป็นกิจกรรมการระดมความคิดเห็นเพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการดำเนินงานโดยการกำหนดมาตรฐานของโรงเรียน การร่วมจัดทำแผนการจัดการศึกษา การจัดระบบสารสนเทศของงานทั้ง 4 ฝ่าย
ขั้นตอนที่ 2 การประเมิน (ป : ประเมิน)
เป็นกิจกรรมการดำเนินงานที่หัวหน้างานทั้ง 4 ฝ่าย และหัวหน้างานประกันคุณภาพการศึกษา และคณะทำงานร่วมกันดำเนินงานตามแผนการจัดการศึกษา การติดตามตรวจสอบคุณภาพ และประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานของสถานศึกษา
ขั้นตอนที่ 3 การประมวล (ป : ประมวล)
เป็นกิจกรรมการดำเนินงานที่หัวหน้างานทั้ง 4 ฝ่าย และหัวหน้างานประกันคุณภาพการศึกษา และคณะทำงานร่วมกันสรุปและจัดทำรายงานประจำปี การนำเสนอรายงานต่อกรรมการสถานศึกษา และการเผยแพร่ผลการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน ต่อหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 4 การปรับปรุง (ป : ปรับปรุง)
เป็นกิจกรรมการดำเนินงานที่หัวหน้างานทั้ง 4 ฝ่าย และหัวหน้างานประกันคุณภาพการศึกษา และคณะทำงานร่วมกันปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
4. ผลการประเมินการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต
ผู้วิจัยได้ศึกษาการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานระบบการประกันคุณภาพภายใน ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียน ใน 2 ด้านคือ 1) ด้านระบบการบริหารจัดการและการดำเนินงาน และ 2) ด้านคุณภาพผู้เรียน โดยได้ข้อสรุป ดังนี้
1) ด้านระบบการบริหารจัดการและการดำเนินงาน พบว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียนอนุบาลภูเก็ตมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพภายในโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x ̅=4.7) เมื่อพิจารณาเป็นรายกิจกรรม พบว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการปรับปรุงและพัฒนาสูงที่สุด (x ̅=4.8) รองลงมาคือกิจกรรมการประเมิน การประมวลผล (x ̅=4.7) และการประชุมวางแผน (x ̅=4.6) ตามลำดับ
2) ด้านคุณภาพผู้เรียน พบว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียนอนุบาลภูเก็ตมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพภายในโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x ̅=4.75) เมื่อพิจารณาเป็นรายกิจกรรมพบว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการประเมิน และกิจกรรมการปรับปรุงและพัฒนาสูงที่สุด (x ̅=4.8) รองลงมาคือกิจกรรมการประชุมวางแผน และกิจกรรมการประมวลผล (x ̅=4.7) ตามลำดับ