การพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ในโรงเรียนวัดโชคเกษม (เกษมราษฎร์บำรุง) เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญและส่งผลต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการเรียนการสอน เพราะมีส่วนกระตุ้นอารมณ์และสติปัญญาของนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีได้ การวิจัยในครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนในโรงเรียนวัดโชคเกษม (เกษมราษฎร์บำรุง) ประจำปีการศึกษา 2563 ตามกรอบการวิจัย 3 ด้าน คือ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อมทางจิตภาพ และสภาพแวดล้อมทางสังคม โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติ (Action Research) 2 วงรอบ แต่ละวงรอบประกอบด้วยการวางแผน (Planning) การปฏิบัติ (Action) การสังเกต (Observation) และการสะท้อนผล (Reflection) กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 144 คน ได้แก่ ครูผู้สอน จำนวน 7 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 9 คน นักเรียน จำนวน 64 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 64 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมิน แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต และการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เทคนิคการตรวจสอบข้อมูล แบบสามเส้า (Triangulation Technique) และนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นความเรียง
ผลการวิจัย ปรากฏดังนี้
1. มีการสำรวจก่อนการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียน พบว่าห้องเรียนไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่มีความปลอดภัย นักเรียนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเกี่ยวกับความมีระเบียบวินัย การพูดและความมีสัมมาคารวะ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อดำเนินการพัฒนาโดยใช้กลยุทธ์การร่วมทำเพื่อระดมความคิดในการแก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อมในโรงเรียน และการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำโครงการเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมตามกรอบการศึกษา
2. ในการพัฒนาวงรอบที่ 1 พบว่า สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ห้องเรียนมีความสะอาด นักเรียนได้ช่วยเหลือกัน จัดห้องเรียนของตนให้สะอาด จัดโต๊ะ เก้าอี้ และมุมประสบการณ์ ในห้องเรียนเป็นระเบียบ สะดวกในการใช้งาน และมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังไม่สามารถปลูกฝังให้มีลักษณะนิสัยที่ถาวรได้เนื่องจากมีเวลาจำกัด
3. ในการพัฒนาวงรอบที่ 1 พบว่า สภาพแวดล้อมทางจิตภาพ นักเรียนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม มีความสมัครสมานสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากขึ้น พูดจาสุภาพ มีสัมมาคารวะมีระเบียบวินัย ส่งผลต่อการเรียนการอยู่ และการทำกิจกรรมร่วมกัน เคารพในสิทธิของเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นยังไม่เป็นนิสัยที่ถาวร ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
4. ในการพัฒนาวงรอบที่ 1 พบว่า สภาพแวดล้อมทางสังคม ครูได้มีการพัฒนาการเรียน การสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน มีการให้การเสริมแรงนักเรียนที่ตั้งใจเรียนและประพฤติดี ครูให้การยกย่องชมเชยจากสาธารณชน รวมทั้งการแนะนำตักเตือนนักเรียนที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม หากจำเป็นต้องลงโทษ สั่งให้ทำกิจกรรมนอกเหนือจากกิจกรรมที่ทำตามปกติขณะที่อยู่ในโรงเรียน เช่น ทำความสะอาดห้องเรียน หรือทำความสะอาดห้องน้ำ เป็นต้น แต่การจัดการเรียนการสอนของครูยังขาดการบูรณาการดังกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ
5. ในการพัฒนาวงรอบที่ 2 พบว่า สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ห้องเรียนมีความสะอาดนักเรียนได้ช่วยเหลือกัน จัดห้องเรียนของตนให้สะอาด จัดโต๊ะ เก้าอี้ และมุมประสบการณ์ในห้องเรียนเป็นระเบียบ สะดวกในการใช้งาน และมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม และมีลักษณะนิสัยที่ถาวร
6. ในการพัฒนาวงรอบที่ 2 พบว่า สภาพแวดล้อมทางจิตภาพ นักเรียนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม มีความสมัครสมานสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากขึ้น พูดจาสุภาพ มีสัมมาคารวะมีระเบียบวินัย ส่งผลต่อการเรียนการสอน และการทำกิจกรรมร่วมกัน เคารพในสิทธิของเพื่อนร่วมชั้นเรียน และมีพฤติกรรมที่ถาวร
7. ในการพัฒนาวงรอบที่ 2 พบว่า สภาพแวดล้อมทางสังคม ครูได้มีการพัฒนาการเรียนการสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน มีการให้การเสริมแรงนักเรียนที่ตั้งใจเรียนและประพฤติดี ครูให้การยกย่องชมเชยจากสาธารณชน