บทคัดย่อ
การประเมินโครงการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ประเมินโครงการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในศตวรรษที่ 21 ภายใต้ยุคนิวนอร์มัลของโรงเรียนบ้านหัวโกรก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยใช้รูปแบบซิปปัโมเดล (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม ซึ่งประกอบด้วยการประเมินด้านต่างๆ ดังนี้ 1) ประเมินด้านบริบท (Context Evaluation) 2) ประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) 3) ประเมินด้านกระบวนการ (Process Evaluation) และ 4) ประเมินด้านผลผลิต (Product Evaluation) 2. ศึกษาความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานโครงการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในศตวรรษที่ 21 ภายใต้ยุคนิวนอร์มัลของโรงเรียนบ้านหัวโกรก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ในด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน และด้านความสำเร็จของโครงการ
ผลการประเมินโครงการ พบว่า
ประเมินบริบท (Context Evaluation) ได้แก่ ความสอดคล้องกับนโยบายหน่วยงานต้นสังกัด วัตถุประสงค์และความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้อง และเป้าหมายของโครงการ ระยะเวลาประเมิน เดือนมีนาคม 2563 - เมษายน 2563 ผู้ให้ข้อมูล คือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 21 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน และผู้แทนบุคคลในชุมชน จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามเพื่อประเมินบริบท (Context) จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ผลการประเมินภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมินทุกกลุ่ม ซึ่งเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ผู้แทนบุคคลในชุมชน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อพิจารณาความเหมาะสมตามตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดมีความเหมาะสมระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยมีความสอดคล้องกับนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดมากที่สุด รองลงมา คือ เป้าหมายของโครงการ และวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยเรียงลำดับ 3 ลำดับแรกจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ โครงการมีความสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กิจกรรมของโครงการมีความเหมาะสม และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และโครงการมีความสอดคล้องกับนโยบายและทิศทางการจัดการศึกษาของโรงเรียน
ประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ได้แก่ ความรู้ ความเข้าใจของบุคลากร การ
ให้ความสนับสนุนของผู้บริหาร/เครือข่าย ความพร้อมของวัสดุอุปกรณ์ อาคารสถานที่ แหล่งเรียนรู้และงบประมาณ ระยะเวลาประเมิน เดือนมีนาคม 2563 - เมษายน 2563 ผู้ให้ข้อมูล คือ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 21 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
จำนวน 13 คน และผู้แทนบุคคลในชุมชน จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ได้แก่ แบบสอบถามเพื่อประเมินปัจจัยนำเข้า (Input) จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ผลการประเมินภาพรวม พบว่า ความพร้อมและพอเพียงอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความพร้อมและพอเพียงอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมินทุกกลุ่มซึ่งเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ผู้แทนบุคคลในชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดบ่งบอกถึงความพร้อมและพอเพียงระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยความรู้ ความเข้าใจ ของบุคลากรมีความพร้อมระดับมากสุด รองลงมา คือ ความพร้อมของวัสดุอุปกรณ์ อาคารสถานที่ แหล่งเรียนรู้และงบประมาณ และสุดท้ายคือการให้ความสนับสนุนของผู้บริหาร/เครือข่าย และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมีความพร้อมและพอเพียงอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยเรียงลำดับ 3 ลำดับแรกจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจและมีความสามารถในการขับเคลื่อนโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ บุคลากรที่ร่วมดำเนินโครงการมีความสามารถในการจัดกระบวนการเรียนสอน และมีเครือข่ายร่วมพัฒนาสถานศึกษาที่พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการ
ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) ได้แก่ การวางแผน การปฏิบัติงาน
การนิเทศกำกับติดตาม และการให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุงพัฒนาโครงการ ระยะเวลา
ประเมิน เดือนเมษายน 2564 ผู้ให้ข้อมูล คือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 21คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน และผู้แทนบุคคลในชุมชน จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามเพื่อประเมินกระบวนการ (Process) จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ผลการประเมินภาพรวมพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมินทุกกลุ่ม ซึ่งเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ผู้แทนบุคคลในชุมชน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัดพบว่า ทุกตัวชี้วัดมีการปฏิบัติระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยมีการวางแผน การปฏิบัติงาน การนิเทศกำกับ ติดตามมากที่สุด รองลงมาคือ การให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุงพัฒนโครงการ และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยเรียงลำดับ 3 ลำดับแรกจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ มีเกณฑ์หรือพฤติกรรมบ่งชี้พฤติกรรมที่แสดงออกจากผลการดำเนินงาน รองลงมา คือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน มีการบูรณาการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสุดท้ายมีระบบการนิเทศ กำกับ ติดตามเพื่อหาแนวทางการปรับปรุงวิธีการดำเนินโครงการอย่างเป็นระบบ
ประเมินผลผลิต (Product Evaluation) ได้แก่ คุณภาพผู้เรียนด้านคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ของนักเรียน ครูได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ส่งเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน และผลงานรางวัลที่โรงเรียน ครูและนักเรียนได้รับด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระยะเวลาประเมิน เดือนมีนาคม 2565 ผู้ให้ข้อมูล คือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 19 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน และผู้แทนบุคคลในชุมชน จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามเพื่อประเมินผลผลิต (Product) จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ผลการประเมินภาพรวม พบว่า มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมินทุกกลุ่ม ซึ่งเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ผู้แทนบุคคลในชุมชน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดมีผลการดำเนินงานระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยตัวชี้วัดครูได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ส่งเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนมีระดับมากที่สุด รองลงมาคือคุณภาพผู้เรียนด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนและสุดท้ายผลงานรางวัลที่โรงเรียน ครูและนักเรียนได้รับด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมินโดยเรียงลำดับ 3 ลำดับแรกจมากไปหาน้อยได้ดังนี้ นักเรียนแสดงพฤติกรรมบ่งชี้ และพฤติกรรมแสดงออกตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเป้าหมาย รองลงมา คือ ครูผู้สอนเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเพื่อนครูและนักเรียนในการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสุดท้ายโรงเรียนมีผลงานและได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติในด้านการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ประเมินความพึงพอใจ ได้แก่ ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน และด้าน
ความสำเร็จของโครงการ ระยะเวลาประเมิน เดือนมีนาคม 2565 ผู้ให้ข้อมูล คือ ข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 19 คน คณะกรรมการสถานศึกษาชั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน
ผู้แทนบุคคลในชุมชน จำนวน 5 คน ผู้ปกครอง จำนวน 185 คน และนักเรียน จำนวน 125 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 25 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ผลการประเมินภาพรวม พบว่า ผู้ให้ข้อมูลทุกกลุ่มมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน ทั้งทางด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน และด้านความสำเร็จของโครงการ และเมื่อจำแนกตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมินทุกกลุ่ม ซึ่งเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนบุคคลในชุมชน นักเรียน และผู้ปกครอง และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด สูงกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยเรียงลำดับ 3 ลำดับแรกจากมากไปหาน้อย ตามด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน และด้านความสำเร็จของโครงการได้ดังนี้
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด คือ
นักเรียนมีจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน สังคม รองลงมาคือ นักเรียนเป็นพลเมืองดีของชาติ และนักเรียนยึดมั่นและปฏิบัติตนตามหลักศาสนา
ด้านความสำเร็จของโครงการ มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด คือ นักเรียนมีคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ที่ดีตามต้องการ และเป็นแบบอย่างได้ในสังคม รองลงมาคือ ผู้บริหารสนับสนุน ส่งเสริม จนโครงการประสบความสำเร็จ และสุดท้ายความพึงพอใจที่ครูดำเนินการจัดกิจกรรมอย่างกระตือรือร้นและสนุกสนาน