การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของแผนจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก 3) เพื่อศึกษาการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD โดยกลุ่มตัวอย่างในครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนหนองบุญมากประสงค์วิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 27 คน ได้จากการสุ่มแบบยกห้อง (Cluster sampling) โดยใช้การวิจัยแบบ One Group Pretest - Posttest Design จากผลการศึกษาพบว่า

1. แผนจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD หน่วยการเรียนรู้เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก มีประสิทธิภาพโดยรวม 82.78/80.25 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้รูปแบบปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD มีค่าสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. นักเรียนที่ผ่านการเรียนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD มีคะแนนการคิดแก้ปัญหาร้อยละ 76.05 ซึ่งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ที่ตั้งไว้

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโโดยใช้รูปแบบปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ในระดับมาก

เว็บน่าสนใจ