ครูบ้านนอก

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างให้นักเรียนได้รับความรู้ ความตระหนักและทักษะชีวิตเพื่อการป้องกันโรคเอดส์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโคกประสิทธิ์วิทยา 2) เพื่อพัฒนาความรู้ ความตระหนัก และทักษะชีวิตของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโคกประสิทธิ์วิทยา ประจำปีการศึกษา 2565 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ชุด กิจกรรมการสอนความรู้ ความตระหนักและทักษะชีวิตเพื่อการป้องกันโรคเอดส์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 กิจกรรม กิจกรรมละ 20 นาที การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลปรากฏว่า

1. กิจกรรมการสอนความรู้ ความตระหนัก และทักษะชีวิตเพื่อการป้องกันโรคเอดส์ที่สร้างขึ้นนี้ มีลักษณะเป็นชุดของสื่อการเรียนการสอน ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงละคร บทบาทสมมุติ สถานการณ์จำลอง เกมต่าง ๆ และสื่อประสม เช่น แผ่นผับ โปสเตอร์ ป้ายนิเทศ ผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยกิจกรรมจะให้นักเรียนมีส่วนร่วมและเน้นกระบวนการกลุ่ม ซึ่งจะมีแผนการจัดกิจกรรมประกอบในแต่ละกิจกรรม มีจำนวน 10 กิจกรรม ใช้เวลาในการสอนกิจกรรมละ 20 นาที

2. ความรู้เรื่องโรคเอดส์ของนักเรียนหลังใช้ชุดกิจกรรมมีค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้ชุดกิจกรรมจาก 53.33 เป็น 88.89

3. ความตระหนักเรื่องโรคเอดส์ของนักเรียน แยกเป็น 5 ด้าน คือ 3.1) ด้านความสำคัญของการให้ ความรู้และการเรียนรู้เรื่องโรคเอดส์ นักเรียนมีความตระหนักก่อนการใช้ชุดกิจกรรมอยู่ในระดับมากและหลังการใช้อยู่ในระดับมากที่สุด 3.2) ด้านผลกระทบของโรคเอดส์ นักเรียนมีความตระหนักก่อนการใช้ชุดกิจกรรมอยู่ในระดับปานกลางและหลังการใช้อยู่ในระดับมาก 3.3) ด้านการป้องกันโรคเอดส์ นักเรียนมีความตระหนักก่อนการใช้ชุดกิจกรรมอยู่ในระดับปานกลางและหลังการใช้อยู่ในระดับมาก 3.4) ด้านการดูแลสุขภาพของผู้ติดเชื้อเอดส์ นักเรียนมีความตระหนักก่อนการใช้ชุดกิจกรรมอยู่ในระดับมากและหลังการใช้อยู่ในระดับมากที่สุด 3.5) ด้านการปฏิบัติและการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ นักเรียนมีความตระหนักก่อนการใช้ชุดกิจกรรมอยู่ในระดับปานกลางและหลังการใช้อยู่ในระดับมาก

4. ทักษะชีวิตเพื่อการป้องกันโรคเอดส์ของนักเรียนหลังการใช้ชุดกิจกรรม มีค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้ชุดกิจกรรมจาก 31.11 เป็น 84.58

5. พฤติกรรมนักเรียนขณะใช้ชุดกิจกรรม มีดังนี้ 5.1) ความสนใจต่อกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรม พบว่านักเรียนมีความตั้งใจมีความกระตือรือร้นที่จะเรียน พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นอย่างดี มีความกล้าแสดงออก มีความอยากรู้อยากเห็น จะสังเกตได้จากก่อนการสอนแต่ละครั้งนักเรียนจะมาชักถามครูในเรื่องที่จะเรียนและในระหว่างที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมนั้น นักเรียนจะเกิดความสนุกสนานในการเรียน พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอนเป้นอย่างดี 5.2) ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม (5.2.1) บรรยากาศขณะที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม มีบรรยากาศที่เป็นกันเอง นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งกิจกรรมที่เป็นกลุ่มและกิจกรรมที่เป็นรายบุคคล นักเรียนได้ฝึกคิดและวิเคราะห์ร่วมกัน มีทั้งกิจกรรมการแบ่งกลุ่ม บทบาทสมมุติ สถานการณ์จำลอง การแสดงละคร เกมต่าง ๆ และการร้องเพลง ซึ่งทำให้การเรียนการสอนมีชีวิตชีวา และนักเรียนได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินในขณะที่เรียนโดยสังเกตได้จากเสียงหัวเราะของนักเรียน การไม่จับกลุ่มคุยกัน ความสนใจตั้งใจเรียน กล้าพูด กล้าซักถามและกล้าแสดงออก ในการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแต่ละกิจกรรม (5.2.2) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนในขณะที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม นักเรียนได้มีการโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักเรียนกับครู โดยเฉพาะกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีการอภิปรายซักถามเกี่ยวกับการเรียนการสอน นักเรียนก็สามารถโต้ตอบครุได้เป็นอย่างดี เช่น ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนและขั้นสรุปบทเรียน เป็นต้น (5.2.3) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน ในขณะที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมนักเรียนได้มีการโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนด้วยกันโดยเฉพาะกิจกรรมกลุ่มได้มีการปรึกษาหารือกันภายในกลุ่ม มีการซักถามความคิดเห็นของกกลุ่มเพื่อตัดสินใจ ประธานกลุ่มจะกรกระตุ้นให้สมาชิกในกลุ่มแสดงความคิดเห็นและสมาชิกในกลุ่มทุกคนจะมีการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ยอมรับข้อตกลงของกลุ่มและมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำงานกลุ่ม

เว็บน่าสนใจ