Advertisement
Advertisement
ถ้าจะว่าไปแล้ว ประวัติศาสตร์ด้าน “การบิน” ของมนุษยชาติ น่าจะเริ่มตั้งแต่คราวที่สองพี่น้องตระกูลไรท์ทำการทดลองบินเครื่องบินลำแรกของโลก เมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน นับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา อากาศยานรูปแบบต่าง ๆ ก็ได้ถูกพัฒนามาเป็นลำดับ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ที่เราสามารถส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้
ถ้าไม่นับรวมถึงยานอวกาศ จุดสูงสุดของเทคโนโลยีทางด้านอากาศยานในปัจจุบันนี้ ก็น่าจะเป็นเครื่องบินที่สามารถทำการบินด้วยความเร็วเหนือเสียง ซึ่งนอกจากเครื่องบินขับไล่แบบไอพ่นแล้ว เครื่องบินคองคอร์ด ที่เพิ่งปิดฉากอำลาการบินในเชิงพาณิชย์เมื่อไม่นานมานี้ น่าจะเป็นตัวอย่างที่คุณผู้อ่านรู้จักและคุ้นเคยกันมากที่สุด
แต่พัฒนาการของอากาศยานที่มีความเร็วเหนือเสียง ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ถ้าใครติดตามข่าวสารในแวดวงการบินก็คงจะพอทราบว่า ยังมีอีกโครง การหนึ่งของ NASA ชื่อว่าโครงการ X-43A ซึ่งเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาอากาศยานที่มีความเร็วเหนือเสียง โดยจากการทดลองบินล่าสุดเมื่อในปี พ.ศ. 2547 นั้น สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 9.4 มัค หรือ 9.4 เท่าของความเร็วเสียงเลยทีเดียว
นอกจากโครงการดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกโครงการที่น่าสนใจชื่อว่าโครงการX-51Aซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพสหรัฐกับออสเตรเลีย
โดยถือเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาต้นแบบของขีปนาวุธที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือเสียงซึ่งหมายความว่า ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถวิ่งไปทำลาย เป้าหมายทั่วโลกได้ในระยะเวลาไม่เกิน2-3ชั่วโมง!
โครงการ X-51Aอาศัยเทคโน โลยีของโครงการX-43Aซึ่งอาศัยเครื่องยนต์ที่เรียกว่าscramjets(supersonic combustion ramjets)โดยการทำงานของเครื่องยนต์ scramjetsนั้นอากาศจะไหลเข้าไปในเครื่องยนต์ด้วยความเร็วเหนือเสียง ทำให้เกิดภาวะ “คลื่นกระแทก” อากาศที่มีความเร็วเหนือเสียงจะถูกผสมเข้ากับเชื้อเพลิง “ไฮ โดรเจน” หลังจากนั้นจะถูกจุดระเบิดเกิดเป็นแรงขับดันมหาศาลทำให้สามารถเร่งความเร็วจนกระทั่งมีความเร็วเหนือเสียงได้หลายเท่าอย่างที่กล่าวมาแล้ว
แต่สำหรับโครงการ X-51A นั้น ความยุ่งยากซับซ้อนจะน้อยกว่าโครงการ X-43A เนื่องจากว่าขนาดของอากาศยานจะเล็กกว่าเกือบ10 เท่าและถูกออกแบบโดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเป็นอากาศยานที่มีคนโดยสารที่สำคัญก็คือเป็นการ “ใช้ครั้งเดียวทิ้ง”เพราะว่าจุดประสงค์หลักก็คือการทำลายเป้าหมายต่างๆอยู่แล้วนั่นเอง
สำหรับตัวอากาศยานนั้น บริษัท Boeing รับผิดชอบในการสร้าง ซึ่งจะต้องถูกเชื่อมติดกับจรวดขับดัน อีกทีหนึ่ง ส่วนเครื่องยนต์ scramjets นั้นถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Pratt & Whitney ที่ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องยนต์ สำหรับเครื่องบินอยู่แล้ว
การทดลองบินครั้งแรกของ X-51A จะมีขึ้นภายในปีนี้ โดยที่เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 จะทำหน้าที่พาเอาเจ้า X-51A พร้อมจรวดขับดันขึ้นไปยังระดับความสูงราว 10 กิโลเมตร จากนั้นจรวดขับดันจะเริ่มทำงานหลังจากที่แยกตัวออกจากเครื่องบิน B-52
เมื่อจรวดขับดันทำความเร็วได้ถึงราว 4.5 มัคแล้ว เครื่องยนต์ scramjets ก็จะเริ่มทำงานและ X-51A ก็จะแยกตัวออกจากจรวดเป็นอิสระก่อนที่จะทำความเร็วไปจนกระทั่งถึง 7 มัค หรือ 7 เท่าของความเร็วเสียงก่อนที่จะตกลงในมหา สมุทร
การทดลองบินของโครงการ X-51A จะมีขึ้นราว 10 เที่ยวบิน ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า และทางกองทัพอากาศประเทศสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะนำขีปนาวุธที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมาประจำการได้ไม่เกินปี พ.ศ. 2578 หรืออีก 28 ปีข้างหน้าถึงจะได้เห็นกัน.
สุวัฒน์ เจริญผล
suwatbkk@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์
Advertisement
|
เปิดอ่าน 11,235 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,459 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,608 ครั้ง |
เปิดอ่าน 79,801 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,870 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,742 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,179 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,138 ครั้ง |
เปิดอ่าน 40,683 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,802 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,653 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,390 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,770 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,438 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,748 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 18,882 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 8,531 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 13,638 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 12,673 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 12,081 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 13,389 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 2,915 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 47,124 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 17,060 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 9,629 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 46,880 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 17,025 ครั้ง |
|
|