ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาศิลปะ เรื่อง การปั้น ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย ธีราภรณ์ ธนะคำดี
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านโคกแก้ว
ปีที่วิจัย 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาศิลปะ เรื่อง การปั้น ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น
3) เปรียบเทียบทักษะในการสร้างสรรค์งานศิลปะของนักเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านโคกแก้ว ตำบลนาแก้ว อำเภอ
โพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 9 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ 2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบประเมินทักษะการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (Dependent Samples t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาศิลปะ เรื่อง การปั้น ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีประสิทธิภาพ 92.89/82.64 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ทักษะการสร้างสรรค์งานศิลปะของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น อยู่ในระดับร้อยละ 83.06 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ
ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาศิลปะ ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ อยู่ในระดับมากที่สุด
(X-bar = 4.56, S.D. = 1.34)