ผู้เสนอผลงาน นางลาตีภ๊ะ นิเดร์หะ
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนบ้านซากอ วิทยฐานะ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1
การพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้
ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1มีวัตถุประสงค์เพื่อ
(1)ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียน
(2) สร้างและตรวจสอบรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบฯ
(3) ศึกษาผลการใช้ รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบฯ
(4) ประเมินความถูกต้อง ความเหมาะสมความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ในการ
นำไปปฏิบัติของรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบฯ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอน, ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษา, ตัวแทนผู้ปกครองศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบของโรงเรียน และนักเรียนในระดับชั้น ม.1-ม.3 จำนวน 60คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม/แบบประเมินและคู่มือการใช้ รูปแบบ ฯ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า (1) สภาพปัจจุบันชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพและการเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนความต้องการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพและการเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและ
อาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด (2) รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียน ประกอบด้วย หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ เนื้อหาของรูปแบบกระบวนการของรูปแบบ และการวัดและประเมินผลผลการตรวจสอบรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด(3)ผลการใช้ รูปแบบของครูที่เข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้และการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนมีผลการประเมินหลังการอบรมอยู่ในระดับมากที่สุดและมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด(4) รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนจากการนำไปปฏิบัติพบว่ามีความถูกต้อง ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมาก และความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
คำสำคัญ : การพัฒนารูปแบบ, ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ, การจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพ
บทนำ
การพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นสถานศึกษาแห่งการเรียนรู้ได้นั้นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือจะต้องมี ชุมชนแห่งวิชาชีพ หรือ Professional Community เกิดขึ้นในสถานศึกษานั้น เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับการปฏิสัมพันธ์ของมวลสมาชิกผู้ประกอบวิชาชีพครูของสถานศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการให้ความดูแลและพูดถึงการ
ปรับปรุงผลการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนงานทางวิชาการของสถานศึกษา และเนื่องจากครูส่วนใหญ่ในแทบทุกประเทศมักเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวในการปฏิบัติงานสอนของตน ดังนั้นการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ เพื่อพัฒนาสมรรถนะ ให้เป็นครูดี ครูเก่ง มีคุณภาพและมีคุณธรรม อันจะส่งผลต่อวิธีการ
เรียนรู้ของผู้เรียน แนวทางการเรียนรู้ของครูที่กำลังให้ ความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน คือ ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู (Professional Learning Community) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อครูสามารถพัฒนาตนเองได้เต็มที่ตามศักยภาพ โดยบทบาทของครูจะเปลี่ยนจากครูผู้สอน
โรงเรียนชุมชนบ้านซากอ (Teacher) เป็นครูฝึก (Coach) หรือเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Learning Facilitator) ทั้งนี้นอกจากครูแล้ว ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ควรให้การส่งเสริมสนับสนุน ให้ครูได้มีโอกาสพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน รวมทั้งกำหนดบทบาทในการจัดการเรียนรู้ของครู
ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน (วิจารณ์ พานิช, 2556 : 15) โดยกิจกรรมของชุมชนแห่งวิชาชีพในสถานศึกษา ควรประกอบด้วย 1) การมีโอกาสเสวนาใคร่ครวญ (Reflective dialogue) ระหว่างกัน 2) การเปิดกว้าง ให้มีการปฏิสัมพันธ์ในหมู่ครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอมากขึ้น เพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
(Detribalization) ในงานสอนของครู 3) การรวมกลุ่มเพื่อเน้นเรื่องการเรียนรู้ของผู้เรียน 4) การร่วมมือร่วมใจกัน ในหมู่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และ 5) การแลกเปลี่ยนในประเด็นที่เป็นค่านิยมและปทัสถานร่วม(Shared Values and Norms) (สุเทพ พงษ์ศรีวัฒน์, 2556 : 23)
การจัดการศึกษาเพื่อให้สามารถพัฒนาผู้เรียนตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาหรือคนไทยยุคใหม่นั้นจะต้องมีการปฏิรูปการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแล้วสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ที่เรียกว่า Professional arning Community (PLC) (บุญชม ศรีสะอาด, 2560 : 140) สอดคล้องกับงานวิจัย เรื่อง Professional Learning Community ของ สโตลล์ (Stoll,2010 : 8) ที่กล่าวว่า มีการให้การยอมรับและพูดถึงในวงกว้างเกี่ยวกับ Professional Learning Community : PLC ในหลายประเทศว่าทำให้เกิดการรวมตัว การช่วยเหลือ การร่วมมือซึ่งกันและกัน รวมทั้งมีการสะท้อนกระบวนการดำเนินงาน วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อความก้าวหน้า ทางวิชาชีพ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน และฮาร์ด (Hord, 2009 : 40-42) กล่าวว่า เป้าหมายหลัก ของสถานศึกษา คือ การเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพการจัดการเรียนการสอน โดยคุณภาพ
การจัดการเรียนการสอนจะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบมืออาชีพ บริบทที่สนับสนุนการเรียนรู้แบบมืออาชีพ คือชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ซึ่งชุมชนแห่งการเรียนรู้นั้นมีความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียนและการเรียนรู้จากเพื่อน ๆ ประกอบกับปองทิพย์ เทพอารีย์ และมารุต พัฒผล (2557 : 284) ได้พัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพสำหรับครูประถมศึกษา พบว่า รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพสำหรับครูประถมศึกษาทำให้สมรรถนะเชิงวิชาชีพของกลุ่มตัวอย่างสูงกว่าก่อนการทดลองใช้ รวมทั้งทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนเพิ่มสูงขึ้นและผลการเรียนรู้ในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ของผู้เรียน หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) พบว่า การให้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่ความสำเร็จ ส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการจัดการศึกษา เป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 กําหนดจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาไว้ว่า การที่จะพัฒนา
ประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้เกิดขึ้นในอนาคตนั้น จะต้องมีการพัฒนาคนให้เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 มีคุณภาพ ชีวิตที่ดี มีอาชีพมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในการดำรงชีวิต เป็นการเตรียมนักเรียนให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคม สอดคล้องของพระราโชบายด้านการศึกษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่กล่าวว่า การศึกษาต้องสร้างให้คนไทยมีคุณสมบัติ ดังนี้
1) มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง 2) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง 3)มีงานทำ-มีอาชีพ และ 4) เป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในปีงบประมาณ 2562 ยังได้กำหนดนโยบายการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นพัฒนาประชากรในวัยเรียนทุกคนและ
ทุกกลุ่มเป้าหมายให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยเน้นการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีหลักคิดที่ถูกต้อง รักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นพลเมืองดีของชาติและพลเมืองโลกที่ดี มีความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ
มีทักษะชีวิตและอาชีพ ตามความต้องการ และมีทักษะในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2562)จากการศึกษาทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากการใช้คำว่า ทักษะชีวิต เป็น ทักษะชีวิตและอาชีพ ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องการให้บระชากรมีคุณภาพและศักยภาพในสังคม สามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลก ที่มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและเป็นทักษะชีวิตรวมกับการทำงานในการประกอบอาชีพ (Binkley et al.,
2012, Great Schools; Partnership for 21st Century Skills, 2014) ซึ่งสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. (2558) กล่าวไว้ว่า การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 มีเป้าหมายไปที่ผู้เรียน ให้เกิดคุณลักษณะในศตวรรษ ที่ 21 โดยผู้เรียนจะใช้ความรู้ในสาระหลักไปบูรณาการสั่งสมประสบการณ์กับทักษะ 3 ทักษะ เพื่อการดำรงชีวิต ในศตวรรษที่ 21 คือ 1) ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม 2) ทักษะสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยีและ 3) ทักษะชีวิตและอาชีพ และตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายและเป้าหมายการพัฒนา ในด้านการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีสมรรถนะตามหลักสูตรมีคุณลักษณะในศตวรรษที่ 21 ครอบคลุมทักษะ3R8C และพัฒนาผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ สามารถจัดการสุขภาวะของตนเองให้มีสุขภาพที่ดีสามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งร่างกายและจิตใจ (สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2563) ซึ่งทักษะเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาตามหลักสูตรควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะที่จำเป็น โดยทางโรงเรียนจะต้องปรับหลักสูตรสถานศึกษา แผนงานวิชาการของโรงเรียนให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะการพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพของนักเรียนขึ้น66
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
วัตถุประสงค์ของของการวิจัยการพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัด การเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1 มีวัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนี้
1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัด การเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1
2. เพื่อสร้างและตรวจสอบรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1
3. เพื่อศึกษาผลการใช้ รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้าง การจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1
4. เพื่อประเมินความถูกต้อง ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ในการนำ ไปปฏิบัติของรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1
ผลการวิจัย
1. สภาพปัจจุบันชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพและการเสริมการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพและการเสริมการจัด การเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
2. ผลการสร้างและตรวจสอบรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านซากอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 1 ประกอบด้วย 5องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
เนื้อหาของรูปแบบ กระบวนการของรูปแบบ และการวัดและประเมินผล และการตรวจสอบรูปแบบอยู่ในระดับ มากที่สุด
3. ครูที่เข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้และการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียน หลังการอบรมอยู่ในระดับมากที่สุด และครูผู้สอน ตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษา ตัวแทนผู้ปกครอง ศึกษานิเทศก์และนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
4. รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ ด้านทักษะชีวิตและอาชีพของนักเรียนจากการนำไปปฏิบัติพบว่า ความถูกต้อง ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมาก และความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด