ชื่อเรื่อง การพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน
จับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
ผู้ศึกษา นางวิภารัตน์ ธานีวัฒน์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑
ปีที่ศึกษา ๒๕๖๖
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๒) ศึกษาประสิทธิภาพของพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๓) ศึกษาผลของการใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญกระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ ๔) สอบถามความพึงพอใจของครูและนักเรียน หลังการใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ การวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓/๑ โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๑ คน ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๗ จำนวน ๒๔ คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ๑) แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๒) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ๓) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิค การสอนแบบ SQ๓R สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๔) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูและนักเรียนการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
๑. กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ ซึ่งกระบวนการเรียนการสอนมี ๗ ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ ๑ : ขั้นจูงใจนำเสนอ (S: Stimulus) ขั้นตอนที่ ๒ : ขั้นสำรวจ ( S: Survey ) ขั้นตอนที่ ๓ : ขั้นตั้งคำถามสืบค้นหาความรู้ (Q: Question ) ขั้นตอนที่ ๔ : ขั้นอ่านอย่างรอบคอบรวบยอดความรู้ ( R๑: Read ) ขั้นตอนที่ ๕ : ขั้นจดจำ ( R๒: Recite ) ขั้นตอนที่ ๖ : ขั้นทบทวนสร้างสรรค์ต่อยอด ( R๓: Review ) และขั้นที่ ๗ : ขั้นแสดงความคิดสรุปเนื้อหา รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ ๘๕.๒๐/๘๖.๑๕ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โดยใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถ ด้านการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕
๓. ความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ ๘๖.๕๐ ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดไว้
๔. ครูและนักเรียนมีความพึงพอใจหลังการใช้รูปแบบทักษะการคิดเสริมพลังการเรียนรู้ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ SQ๓R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อยู่ในระดับมาก