ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสาวชริดา จันทุม
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านแก้ง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5
ปีที่ทำวิจัย 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) สร้างรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) ประเมินความเป็นไปได้ของรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนบ้านแก้ง ตำบลแก้ง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) การวิจัยครั้งนี้ดำเนินการตามกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) วิธีดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบ การสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้ดำเนินการ ดังนี้ 1) ศึกษาเอกสาร งานวิจัย และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง 2) สัมภาษณ์ครู และผู้ปกครอง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 2 การสร้างรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งได้ดำเนินการ ดังนี้ 1) ยกร่างรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) ตรวจสอบร่างรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยจัดประชุมผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง และ 3) ทดลองใช้ร่างรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 16 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ระยะที่ 3 การประเมินความเป็นไปได้ของรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และใช้สถิติพื้นฐานหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบ t - test และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. การศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า มีทั้งหมด 5 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 หลักการของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 3 เนื้อหาของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 4 กระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ และองค์ประกอบที่ 5 การวัดและประเมินผล
2. การสร้างรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาพรวม พบว่า รูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด และผลการทดลองใช้รูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) สูงกว่าก่อนเรียนด้วยรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. การประเมินความเป็นไปได้ของรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการนำรูปแบบการสอนตามแนวคิดปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-based learning) ผสานหลักการชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด