การอ่านและการเขียนเป็นทักษะที่จำเป็นที่ผู้เรียนใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ การอ่านเป็นกระบวนการรับสารที่ผู้อ่านแปลความหมายของสื่อระหว่างการอ่าน โดยการอ่านของคนส่วนใหญ่ มีวัตถุประสงค์การอ่านแตกต่างกันไป เช่น อ่านเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความบันเทิง สนองความต้องการ และอื่น ๆ เช่น ความมั่นคงในชีวิต แนวทางการแก้ไขปัญหา หาเหตุผลสนับสนุนความคิด เป็นต้น สำหรับ การเขียนเป็นกระบวนการส่งสารเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด เรื่องราว ประสบการณ์ โดยการสื่อสารอาจทำในลักษณะเป็นภาพ คำ ประโยค หรือข้อความ โดยมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น เพื่อเล่าเรื่อง สรุปความ อธิบายความ แสดงความคิดเห็น ปลุกใจ โฆษณา เป็นต้น
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2565) กล่าวว่า การอ่านและการเขียนไม่ใช่ทักษะที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ต้องเรียนและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จึงจะอ่านคล่องและเขียนคล่อง และมีนิสัยรักการอ่านและ การเขียน การอ่านกับการเขียนในเรื่องราวที่หลากหลาย สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้เรียน จะช่วยให้ผู้เรียนอ่านและเขียนเรื่องราวได้เข้าใจมากขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้กำหนดนโยบายและจุดเน้น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 2568 ไว้ทั้งหมด 10 ข้อ ซึ่งข้อที่ 4 คือ ส่งเสริมการอ่านเพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และ ต่อยอดองค์ความรู้ที่สูงขึ้น (4.1) ส่งเสริมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต แสดงให้เห็นว่าการอ่านและ การเขียนมีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดการเรียนรู้ และการดำเนินชีวิตประจำวันของนักเรียน
ทั้งนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 1 ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม ท้าประลองการอ่านออกอ่านคล่อง ๑๐๐% ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ภายใต้โครงการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการศึกษา ตามนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อที่ ๔ ส่งเสริมการอ่านเพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และต่อยอดองค์ความรู้ที่สูงขึ้น (๔.๑) ส่งเสริมการอ่าน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มุ่งส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษามีการแก้ไขปัญหาด้านการอ่านการเขียนภาษาไทย รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษามีกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา สู่การปฏิบัติจริงให้เกิดขึ้นได้
จากความสำคัญของการอ่านและการเขียนข้างต้น ผู้จัดทำจึงได้ศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูล แนวทาง การพัฒนาและส่งเสริมการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต พบว่า มีผู้ดำเนินการวิจัยและกล่าวถึง การใช้รูปแบบการมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมพฤติกรรมการอ่าน และนิสัยรักการอ่าน เช่น เพียงแข ภูผายาง และคณะ (2558) รุ่งฤดี อาจวิชัย (2558) วรรณประภา ภูดวงจิตร (2561) จักรพันธ์ หลงสุข และสิรินาถ จงกลกลาง (2561) ได้กล่าวถึง ลักษณะของการใช้รูปแบบการมีส่วนร่วม เป็นการเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน แม้ว่าแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันในด้านพื้นฐาน ทักษะ และโครงสร้างทางสังคม แต่มีความเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน กำหนดแนวทางและรับผิดชอบร่วมกัน จึงไม่มีการกำหนดกรอบตายตัว สามารถยืดยืดหยุ่นได้ตามลักษณะของชุมชน หรือบริบทแวดล้อมได้ โดยใช้วิธีการดำเนินการที่เรียบง่ายที่คนในชุมชนรู้จัก คุ้นเคย และมีทางเลือกหลากหลาย ในงานด้านการศึกษา ครูจะทำการแก้ไขปัญหาในชั้นเรียนหรือปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน รวมไปถึงการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียน การใช้รูปแบบการมีส่วนร่วมต้องมีการทำความเข้าใจที่ชัดเจน กับทุกฝ่ายที่เข้ามามีส่วนร่วม มีจุดเน้นในการแก้ไข พัฒนา หรือส่งเสริมให้คนในชุมชนมามีส่วนร่วมกับทางโรงเรียน โดยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันแสวงหารูปแบบหรือวิธีการแก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และรูปแบบการมีส่วนร่วมยังมีประโยชน์ต่อการส่งเสริมการอ่านและการเขียน คือ ผู้ปกครอง ชุมชน โรงเรียน ได้ร่วมกันหาแนวทางในการส่งเสริมการอ่านและการเขียน อีกทั้งทุกฝ่ายยังได้ร่วมกันพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียน สามารถทราบพัฒนาการในการอ่านและการเขียนของบุตรหลานตนเองได้อีกด้วย และสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย
จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาหรือส่งเสริมการอ่านและการเขียนโดยใช้รูปแบบการมีส่วนร่วมของเพียงแข ภูผายาง และคณะ (2558) รุ่งฤดี อาจวิชัย (2558) วรรณประภา ภูดวงจิตร (2561) จักรพันธ์ หลงสุข และสิรินาถ จงกลกลาง (2561) พบว่า มีวิธีการหรือกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเขียนอย่างหลากหลาย โดยความร่วมมือของโรงเรียน ครูผู้สอนและผู้ปกครอง คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียน การเป็นแบบอย่างด้านการอ่านและการเขียน การร่วมปลูกฝังเรื่องการอ่านอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมการอ่านหน้าเสาธง กิจกรรมอ่านวันละคำ กิจกรรมผู้ปกครองร่วมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมรักการอ่าน กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ เป็นต้น ซึ่งรูปแบบหรือกิจกรรมดังกล่าว มีความน่าสนใจ มีความหลากหลาย และสามารถพัฒนาส่งเสริมการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากความสำคัญข้างต้น ผู้จัดทำมีความตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการอ่านและการเขียน เพราะเป็นทักษะที่สำคัญในการเรียนรู้และการดำเนินชีวิตประจำวัน จึงได้ศึกษาผลงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้อง และได้นำผลจากการสังเคราะห์รูปแบบ แนวทาง วิธีการ มาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 ทุกคน ซึ่งรูปแบบในการจัดกิจกรรมที่โรงเรียนจะนำมาใช้เป็นรูปแบบหลัก คือ รูปแบบการมีส่วนร่วม โดยจะช่วยสามารถพัฒนาความสามารถการอ่านและการเขียนอย่างเป็นรูปธรรมได้ ทำใหผู้ที่มีส่วนเกี่ยวของเขามา มีบทบาทและช่วยกันหาแนวทางแกปญหาและเรียนรูไปพรอมกัน ซึ่งจะกอใหเกิดชุมชนแหงการเรียนรูที่แท้จริง
2) วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) ได้กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน
2.1.1 เพื่อพัฒนาความสามารถการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) โดยใช้รูปแบบการมีส่วนร่วม
2.1.2 เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) ให้สูงขึ้น
2.1.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อการพัฒนาความสามารถการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) โดยใช้รูปแบบการมีส่วนร่วม
2.2 เป้าหมายของการดำเนินงาน
2.2.1 เป้าหมายเชิงปริมาณ
2.2.1.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) ร้อยละ 100 ได้รับการพัฒนาความสามารถการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้รูปแบบการมีส่วนร่วม
2.2.1.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) ร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยที่สูงขึ้น
2.2.1.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) ร้อยละ 80 ผ่านการประเมินกิจกรรมท้าประลอง การอ่านออก อ่านคล่อง 100% ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 1
2.2.2 เป้าหมายเชิงคุณภาพ
2.2.2.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) มีความสามารถการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงขึ้น
2.2.2.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงขึ้น
2.2.2.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) และมีที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนาความสามารถการอ่านและการเขียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้รูปแบบการมีส่วนร่วม ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ขึ้นไป
2.2.2.4 โรงเรียนบ้านวังตะคร้อ (ธนาคารกรุงเทพ 5) มีรูปแบบการดำเนินงาน ในการพัฒนาความสามารถการอ่านและการเขียนของนักเรียน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างเป็นรูปธรรมและมีคุณภาพ โดยผ่านการพิจารณาคุณภาพความเหมาะสมระดับมากที่สุด