ชื่อเรื่องวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) สู่ห้องเรียนภาษาอังกฤษยุคใหม่
1.ความสำคัญของผลงาน นวัตกรรม หรือแนวปฏิบัติที่นำเสนอ
ในการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ ไม่กล้าแสดงออก และมักเรียนรู้แบบท่องจำมากกว่าการเข้าใจและนำไปใช้จริง ส่งผลให้ผู้เรียนไม่สามารถพัฒนาทักษะการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งกิจกรรมการเรียนการสอนบางรูปแบบยังไม่สอดคล้องกับพัฒนาการทางสมองแลความสนใจของผู้เรียนในวัยนี้
เหตุผลสำคัญ คือ ผู้เรียนในช่วงประถมศึกษาตอนต้น มีพัฒนาการของสมองที่พร้อมต่อการเรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือทำจริง และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและอารมณ์ ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ที่ไม่น่าสนใจ ขาดการมีส่วนร่วม และไม่คำนึงถึงธรรมชาติของสมอง อาจทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่สามารถจดจำเนื้อหาได้ในระยะยาว จากเหตุผลดังกล่าว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning :BBL) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองทั้งซีกซ้ายและขวา เสริมสร้างความเข้าใจ ความจำ และความกล้าแสดงออก ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน มีความหมาย และมีการลงมือปฏิบัติจริง
ดังนั้นแนวปฏิบัติที่นำเสนอ จึงตอบโจทย์ทั้งด้านการพัฒนาการทางสมอง ความสนใจของผู้เรียน และกายกระดับทักษะการพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการสื่อสารเบื้องต้นที่มั่นคง และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษในระยะยาว
2.จุดประสงค์ และเป้าหมายของการดำเนินการ
จุดประสงค์
1.เพื่อพัฒนาการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 ให้สามารถสื่อสารคำศัพท์และประโยคง่ายๆ ได้อย่างมั่นใจ
2.เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเชิงรุก(Active Learning) โดยใช้หลักการของแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning : BBL)
3.เพื่อสร้างบรรยากาศในห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน สอดคล้องกับพัฒนาการของสมองและวัยของผู้เรียน
4.เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียน ผ่านกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของสมอง
5.เพื่อพัฒนาศักยภาพของครูผู้สอนในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน
เป้าหมายเชิงปริมาณ
1.ผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนวัดราษฎร์บำรุง(ไสวราษฎร์อุปถัมภ์) จำนวน 33 คน เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและประโยคง่ายๆได้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด
เป้าหมายเชิงคุณภาพ
1.ผู้เรียนมีความมั่นใจและกล้าแสดงออกในการใช้ภาษาอังกฤษ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
2.ผู้เรียนมีการพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษและประโยคง่ายๆมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ครูจัดขึ้น
3.ครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของผู้เรียน โดยใช้หลักการของการใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning : BBL) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.ห้องเรียนมีบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
3. กระบวนการผลิตผลงาน หรือขั้นตอนการดำเนินงาน
ใช้กระบวนการวงจรคุณภาพ PDCA ในการกระบวนการทำผลงานและขั้นตอนการดำเนินงาน
ขั้นการวางแผน (PLAN)
1.ศึกษาหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้
oศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
oวิเคราะห์ตัวชี้วัด เพื่อออกแบบหน่วยการจัดการเรียนรู้ให้ตรงตามเกณฑ์
2.ศึกษาทฤษฎีและแนวทางการจัดการเรียนรู้
oศึกษาแนวคิด การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning - BBL)
oศึกษาเทคนิคการสอนและพัฒนาการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษให้เหมาะสมกับนักเรียนระดับประถม
3.ออกแบบและพัฒนาแผนการเรียนรู้
oออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้คำศัพท์แบบหมวดหมู่
oออกแบบกิจกรรมและเกมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้แนวคิด BBL
oจัดทำแบบฝึกหัดและกิจกรรม ตามแนวทาง BBL
ขั้นการดำเนินงาน (Do)
4.ใช้กระบวนการ PLC (Professional Learning Community)
oใช้ PLC เพื่อวิเคราะห์ปัญหา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาสื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.จัดกิจกรรมการเรียนรู้
oจัดกิจกรรมการเรียนรู้คำศัพท์ในรูปแบบหมวดหมู่
oใช้สื่อการจัดการเรียนรู้และเกมตามแนวคิด BBL เพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมทักษะการเรียนรู้คำศัพท์
oจัดเก็บคะแนนคำศัพท์ก่อนการใช้แนวปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ และหลังการใช้แนวปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ (Best Practice)
ขั้นการตรวจสอบประเมินผล (Check)
6.เก็บรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงาน
คะแนนก่อนและหลังการเรียน
แบบประเมิน ความพึงพอใจ หรือแบบสอบถามจากนักเรียน
ข้อมูลการสังเกตพฤติกรรมระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้
วิเคราะห์ผลการเรียนรู้
เปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังใช้เกมหรือกิจกรรม
วิเคราะห์ว่าผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะคำศัพท์ได้ตามเป้าหมายหรือไม่
ใช้สถิติเบื้องต้น เช่น ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ตรวจสอบความสอดคล้องของกิจกรรมกับวัตถุประสงค์
พิจารณาว่ากิจกรรม/เกมที่ใช้ตรงตามตัวชี้วัดและมาตรฐานหรือไม่
ตรวจสอบว่าวิธีการจัดกิจกรรมสอดคล้องกับแนวคิด Brain Based Learning จริงหรือไม่
สรุปข้อค้นพบ / ข้อดี / ข้อควรปรับปรุง
อะไรได้ผลดีและควรคงไว้?
ส่วนใดที่ยังไม่ตอบโจทย์ ต้องปรับวิธีหรือพัฒนาเพิ่ม?
ได้รับผลสะท้อนจากครูผู้ร่วมสังเกตหรือผู้เรียนอย่างไร
ขั้นการพัฒนา/ปรับปรุงแก้ไข ( Act)
7.วิเคราะห์ข้อเสนอแนะและผลการตรวจสอบ
oพิจารณา จุดแข็ง ที่ควรคงไว้
oระบุ จุดอ่อน หรือปัญหาที่พบในกิจกรรม / เกม / สื่อ / แบบฝึกหัด
oนำผลคะแนนหรือข้อเสนอแนะจากผู้เรียน/ครู มาใช้ประกอบ
8.ปรับปรุง / พัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้
oแก้ไขหรือต่อยอด เกมคำศัพท์ ให้เหมาะสมกับผู้เรียนมากขึ้น
เช่น เพิ่มระดับความยาก, ใส่คำอธิบายภาพ, เพิ่มเสียงหรือภาพเคลื่อนไหว
oพัฒนาสื่อให้น่าสนใจยิ่งขึ้นตามแนวคิด Brain-Based Learning
เช่น จัดหมวดหมู่ใหม่, ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น เพลง จังหวะ หรือภาพ
9.ปรับแผนการจัดการเรียนรู้
oแก้ไขจุดที่ยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐาน/ตัวชี้วัด
oวางแผนการสอนใหม่โดยใส่กิจกรรมเสริม หรือการทบทวน
10.ทดลองใช้รอบใหม่ (Pilot)
oนำสื่อ/เกม/กิจกรรมเวอร์ชันที่ปรับปรุงไปทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมายอีกครั้ง
oอาจใช้กับนักเรียนห้องใหม่ หรือกลุ่มเดียวกันในหน่วยเรียนถัดไป
11.จัดทำรายงานและเผยแพร่ผลงาน
oบันทึกขั้นตอนและผลการพัฒนาไว้ในรูปแบบรายงานวิจัยในชั้นเรียน / SAR
oนำเสนอผลงานหรือแนวปฏิบัติที่ดีในวง PLC / กลุ่มสาระ / เขตพื้นที่
4.ผลการดำเนินการ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ
4.1ผู้เรียนมีการพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษและนำคำศัพท์ไปต่อยอดการเรียนรู้ทักษะทางด้านภาษา
ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
4.2ผู้เรียนมีความมั่นใจและกล้าแสดงออกในการใช้ภาษาอังกฤษ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
4.3ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูจัดขึ้น
4.4ครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของผู้เรียน โดยใช้หลักการของการใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning : BBL) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.5ห้องเรียนมีบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
5.ปัจจัยความสำเร็จ
ด้านผู้บริหาร
5.1 ผู้บริหารให้การส่งเสริมสนับสนุนในการพัฒนาสื่อและนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนของครูมีการนิเทศติดตามในด้านแผนการจัดการเรียนรู้และการจัดการเรียนการสอนจากผู้บริหาร ให้ความร่วมมือในการนําวิธีการสอบแบบ Active learning ผ่านแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning)
นอกจากนี้ผู้บริหารเห็นความสำคัญของการส่งเสริมโดยให้การสนับสนุนอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการ
สอน เช่น อุปกรณ์หรือสื่อต่างๆที่ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน มีการจัดประกวดสื่อการจัดการเรียนรู้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันในองค์กร ผู้บริหารให้การสนับสนุนให้ครูเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการสอนภาษาอังกฤษจากวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริมสนับสนุนให้ครูได้นำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน
ด้านผู้ปกครอง
5.2 ผู้ปกครองยินดีให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนในการช่วยส่งเสริมบุตรหลานให้ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด เห็นความสำคัญของการทำกิจกรรมการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน มีการติดตามงานและการบ้านของนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ ให้กับสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนของผู้เรียน เพื่อส่งผลให้นักเรียนมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดียิ่งขึ้น
ด้านครู
5.3 เพื่อนครูในโรงเรียน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ PLC ทำให้ทราบถึงปัญหาในการจัดการเรียนการสอนและแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน ตลอดจนนำความรู้จากการอบรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมความรู้ที่สามารถนํามาพัฒนาตนเองได้ เป็นที่ปรึกษาให้แก่กัน นิเทศการสอนอย่างกัลยาณมิตร ให้
คําแนะนําและคำปรึกษาในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนร่วมกัน
ด้านนักเรียน
5.4 นักเรียนเห็นความสำคัญของการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ มีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ สนุกสนานกับบทเรียน กระตือรือร้นที่จะเข้าเรียนเพื่อร่วมกิจกรรมที่ครูจัดขึ้น และการสนใจในกิจกรรมเกม เพลง และกิจกรรมตามแนวการใช้สมองเป็นฐานที่ครูจัดขึ้น
6.บทเรียนที่ได้รับ
ผลงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ Best Practice กิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) สู่ห้องเรียนภาษาอังกฤษยุคใหม่ ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2
จำนวน 33 คน พบว่านักเรียนได้รับการพัฒนาและเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษสูงขึ้น และมีเจตคติที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษให้แก่นักเรียน ซึ่งถือว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะว่า การนำกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning ) ตามแนวการใช้สมองเป็นฐาน เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม Learning by doing เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ นักเรียนได้เรียนรู้ได้เหมาะสมกับวัย เพราะมีภาพ สีสันที่สวยงาม และมีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เคลื่อนไหว และมีกิจกรรม Brain gym ในการช่วยกระตุ้นสมอง ทำให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน และการเรียนรู้คำศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสมกับการเรียนรู้ตามกระบวนการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในยุคใหม่ ทำให้เกิดสมรรถนะสำคัญหรือทักษะจำเป็นในศตวรรษที่ 21
7. การเผยแพร่ การขยายผลต่อยอด หรือประยุกต์ใช้ผลงาน นวัตกรรม หรือวิธีการปฏิบัติ การได้รับการยอมรับ (รางวัลที่ได้รับ)
การเผยแพร่ความรู้ประสบการณ์ทักษะและอื่นๆ แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ
1. นำความรู้ที่ได้รับจากวิธีการปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ (Best Practice) กิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) สู่ห้องเรียนภาษาอังกฤษยุคใหม่ : ด้วยกระบวนการ PLC ขยายผลให้กับเพื่อนครูนอกโรงเรียน ผ่านกิจกรรมโครงการพัฒนาครูสู่ครูมืออาชีพ ที่หน่วยงานภายนอกจัดขึ้น คือ สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาเพชรบุรี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี
2. นำความรู้ที่ได้รับจากวิธีการปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ (Best Practice) กิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) สู่ห้องเรียนภาษาอังกฤษยุคใหม่ : ด้วยกระบวนการ PLC กับเพื่อนครูในโรงเรียน เผยแพร่แก่บุคลากรในโรงเรียน เพื่อเป็นความรู้และเป็นการพัฒนาองค์กรร่วมกัน
การขยายผลต่อยอด หรือประยุกต์ใช้ผลงาน จากการดำเนินงานวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ Best Practice กิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) สู่ห้องเรียนภาษาอังกฤษยุคใหม่ จนสำเร็จตามวัตถุประสงค์แล้วนั้น ผู้สอนจึงได้ นำมาขยายผลต่อยอด และประยุกต์ใช้ผลงาน ดังนี้
1. การพัฒนาสื่อและนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้และกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการใช้สมองเป็นฐาน ให้ครอบคลุมและหลากหลายตามทักษะทางภาษา ทั้งทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน และการเรียนรู้คำศัพท์ในระดับชั้นอื่นที่สูงขึ้น
2. การพัฒนาเทคนิควิธีการสอนตามแนวการใช้สมองเป็นฐาน (BBL) ควบคู่ไปกับเกมการศึกษา
3. การขยายผลโดยดำเนินการจัดการเรียนรู้ไปสู่นักเรียนระดับชั้นอื่น ๆและวิชาอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย และจัดกระบวนการสอนอย่างต่อเนื่อง
4. เผยแพร่ผลงานหลากหลายช่องทาง เพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาการ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สื่อและนวัตกรรมการสอนสู่สาธารณชน