ความสำคัญของผลงาน นวัตกรรม
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผนและสามารถวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ทำให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่นๆ ดังนั้นคณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551)
วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งในกลุ่มทักษะที่เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ คือเป็นวิชาที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ในกลุ่มประสบการณ์อื่นๆ และการเรียนในระดับสูง เป็นวิชาที่ช่วยพัฒนาคนให้รู้จักคิด คิดเป็น และช่วยสร้างเสริมคุณลักษณะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น การสังเกต ความละเอียด ถี่ถ้วน แม่นยำ มีสมาธิและรู้จักแก้ปัญหา (วนัญชนา เชิงดี, 2555) ซึ่งจากความสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์และหลักสูตรที่ได้กำหนดองค์ความรู้ ทักษะและคุณลักษณะที่สำคัญไว้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักเรียนควรได้รับการส่งเสริมให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะในวิชานี้ ตลอดจนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ (นพดล ฤมิสตรี, 2555) แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่มองว่าคณิตศาสตร์เป็นเรื่องยากและน่าเบื่อ ทำให้เด็กขาดความสนใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ภาพรวมของการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนยังเป็นปัญหา ปัญหาหลักที่เห็นสอดคล้องกันทั้งนักการศึกษาและคนทั่วไปก็คือ วิธีการสอนหรือแนวทางการสอนยังเน้นการถ่ายทอดเนื้อหาสาระไปสู่นักเรียนโดยยึดครูเป็นศูนย์กลาง ลักษณะของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผ่านมาครูเป็นผู้อธิบายหรือบอกแนวทางการแก้ปัญหา หรือเทคนิคการแก้ปัญหาเพื่อให้ได้คำตอบ กล่าวได้ว่า ความพยายามเกี่ยวกับปัจจัยการจัดกาเรียนการสอนเพื่อจะแก้ปัญหาการศึกษาไทย ก็ยังไม่มีตัวชี้วัดว่าประสบความสำแร็จ (ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์, 2557) สังเกตได้จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 66.50 (โรงเรียนบ้านบราโอ (สาขากูนิง), 2567) ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาที่ตั้งไว้เท่ากับร้อยละ 70 และจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง การคูณของจำนวนนับ พบว่า นักเรียนมีข้อผิดพลาดในการหาผลคูณของจำนวนนับโดยวิธีการคูณในแนวตั้ง เช่น การวางผลคูณผิดตำแหน่ง การทดเลขผิดตำแหน่ง นักเรียนมีปัญหาเรื่อง การคูณจำนวนที่มีค่ามาก เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเรียนคณิตศาสตร์ในทุกระดับชั้นและส่งผลต่อเนื่องไปยังการเรียนในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการคิดคำนวณและการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ดังนั้นผู้สอนจึงต้องใช้เทคนิคในการสอนรูปแบบใหม่และน่าสนใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้สามารถยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนได้ ซึ่งเทคนิคการคูณแบบแลททิซเป็นอีกเทคนิคหนึ่ง ที่อาจช่วยให้นักเรียน สามารถคูณเลขที่ซับซ้อนได้ ซึ่งวิธีดังกล่าวช่วยลดปัญหาเรื่องการทด และการวางตำแหน่งผิดพลาด ทั้งยังช่วยลดความสับสนของนักเรียนอีกด้วย เทคนิคการคูณแบบแลททิซเป็นการจับคู่คูณกันของตัวตั้งและตัวคูณทีละคู่ แล้วใส่ผลลัพธ์ที่ได้ในช่องตารางที่มีเส้นทแยงมุมอยู่ข้างใน เมื่อคูณกันครบทุกช่องตารางแล้วให้นำตัวเลขที่อยู่ในแนวทแยงเดียวกันมาบวกกันได้เป็นผลคูณเช่นเดียวกับวิธีอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณเพิ่มสูงขึ้น
จากความสำคัญและเหตุผลดังกล่าวข้างต้นผู้เสนอผลงานจึงได้จัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ เรื่องการคูณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบราโอ (สาขากูนิง)
จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
จุดประสงค์ของการดำเนินงาน
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ
เพื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ
เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต่อการจัดการเรียนการสอนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ
เป้าหมายของการดำเนินงาน
เป้าหมายเชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 80 ที่เรียนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ มีผลสัมฤทธิ์ เรื่องการคูณสูงกว่าเกณฑ์ (ร้อยละ 70)
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 100 ที่เรียนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 80 มีความพึงพอใจต่อการเรียนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ ในระดับมาก
เป้าหมายเชิงคุณภาพ
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพิ่มขึ้น
นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
ขั้นตอนการดำเนินงาน
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบราโอ (สาขากูนิง) ได้นำวงจรการบริหารงานคุณภาพ PDCA มาใช้ดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมการ (Plan)
ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
แนวคิดของเทคนิคการคูณแบบแลททิซ
การคูณแบบแลททิซเป็นส่วนหนึ่งของเวทคณิตในคัมภีร์โบราณในการคิดเลขเร็วของอินเดียซึ่งประกอบด้วยสูตร 16 สูตรที่เกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณ และการหาร โดยเวทคณิตเป็นสาขาหนึ่งของอรรพเวท ซึ่งเป็นหนึ่งในพระเวททั้ง 4 ได้แก่ ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท และอถรรพเวท โดยถูกค้นพบขึ้นมาอีกครั้งจากต้นฉบับสันสกฤต ระหว่างปี ค.ศ. 1911 ค.ศ. 1918 (นภดล ฤมิสตรี, 2555) ความหมายของเวทคณิต เวทคณิต อ่านว่า เวด - คะ - นิด หรือ เวด - ทะ คะ - นิด (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551)ความหมายของเวทคณิตดังนี้ เวท แปลว่า ความรู้ คณิต แปลว่า การคํานวณ เวทคณิต แปลว่า ความรู้การคํานวณ
ความสำคัญของการคูณแบบแลททิซ
การคูณแบบแลททิซเป็นสูตรหนึ่งของเวทคณิต ในสมัยโบราณถือว่าพระเวทเป็นต้นกำเนิดแห่งศาสตร์ทั้งปวง การแก้ปัญหาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์โดยใช้เวทคณิตเป็นไปในทิศทางที่เรียบง่าย ด้วยวิธีตามธรรมชาติ สามารถที่จะสร้างพลังทางความคิดในสมองให้มีการสร้างสรรค์และเฉลียวฉลาด ช่วยให้จดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เป็นการฝึกที่ใช้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่ธรรมดา เด็กๆ สามารถทำได้ เป็นอุปกรณ์ทางจิตในการคิดคำนวณที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงได้ ปรับให้เหมาะสมกับนักเรียน ทำให้นักเรียนสนุกและรู้สึกสบายใจจากการฝึกฝนหรือการนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการเรียนสาขาอื่น ทำให้ผู้ที่ฝึกเวทคณิตมีโลกทัศน์ที่กว้างขวางเฉียบคม ฉับไว และมองเห็นธรรมปัญญาได้ลึกซึ้งขึ้น และในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้นำเวทคณิตมาใช้สอนนักเรียนอย่างกว้างขวาง และนักเรียนรู้สึกว่าเป็นสิ่งช่วยพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยฝึกระบบสมองให้เป็นระเบียบ ชัดเจน
ข้อดีของการคูณแบบแลททิซ
ช่วยลดปัญหาของการวางตำแหน่งที่ผิดของผลคูณ
ลดปัญหาของการทดเลขในตำแหน่งที่ผิด
ขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อน
ขั้นตอนของเทคนิคการคูณแบบแลททิซ
สร้างตาราง ตามจำนวนของตัวตั้งและตัวคูณ ในแต่ละช่องตารางให้ขีดเส้นทแยงมุมจากมุมบนด้านขวามามุมล่างด้านซ้าย เป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งเฉียงเป็นแนวเดียวกันทุกช่อง
ตัวอย่าง นักเรียนต้องหาผลลัพธ์จากโจทย์ 85 × 13
ภาพที่ 1 ขั้นตอนการสร้างตารางของเทคนิคการคูณแบบแลททิซ
เขียนเลขโดดในแต่ละหลักของตัวตั้งกำกับไว้ด้านบนแต่ละหลัก และเขียนเลขโดดในแต่ละหลักของตัวคูณกำกับไว้ด้านขวาของแต่ละแถว
ภาพที่ 2 ขั้นตอนการเขียนเลขโดดกำกับไว้ที่ตาราง
หาผลคูณของเลขโดดที่กำกับไว้ด้านบนและด้านข้าง ใส่หลักหน่วยลงในช่องย่อยขวาล่าง และใส่หลักสิบลงในช่องย่อยซ้ายบน ถ้าไม่มีหลักหน่วยให้ใส่ศูนย์ ถ้าไม่มีหลักสิบให้เว้นไว้หรือใส่ศูนย์ก็ได้
ภาพที่ 3 ขั้นตอนการใส่ตัวเลขจากการใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซ
ให้บวกแต่ละจำนวนในแต่ละแนวทแยง โดยเริ่มจากแนวทแยงขวาล่างสุดก่อน แล้วหาผลบวก
แนวทแยงถัดไป (หลักสิบ ร้อย
) ถ้าผลบวกในหลักใดเกิน 10 ก็ทดไปแนวทแยงต่อไป
ภาพที่ 4 ขั้นตอนการบวกตามแนวทแยงของเทคนิคการคูณแบบแลททิซ
นำผลบวกในแนวทแยงมาเขียนต่อกัน โดยเขียนเรียงเลขในแนวตัวแอลใหญ่ L จะได้คำตอบคือ 1105
ตัวอย่างที่ 1 23 × 5 =
ดังนั้น 23 × 5 = 115
จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อ การเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ผ่านเทคนิควิธี การคูณแบบแลททิซ และใช้สื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ
ผลิตสื่อการเรียนรู้ กระดานแลททิซพิชิตการคูณ
1) ออกแบบสื่อกระดานแลททิซและบัตรตัวเลขให้เหมาะสมเนื้อหาการคูณแบบแลททิซตามที่ได้ศึกษาเอกสารมาแล้วและวัยของนักเรียน
2) ประดิษฐ์สื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณตามแบบที่ได้วางแผนไว้ โดยใช้แผ่นกระดานที่ผ่านการใช้งานแล้วมารีไซเคิลโดยการทาสีเป็นตารางแลททิซแยกสีที่แตกต่าง ๆ กัน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการคำนวณและหาคำตอบ นอกจากนี้ยังใช้กระดาษหน้าเดียวมาทำบัตรตัวเลขเพื่อเป็น การใช้ทรัพยากรที่มีอย่างประหยัดและคุ้มค่า
สื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณและบัตรตัวเลขที่เสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
ทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มเล็กเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรู้แล้วปรับปรุงแก้ไขจนได้สื่อการเรียนรู้ที่นักเรียนสามารถนำไปใช้ได้ง่าย สะดวก และมีคุณภาพ
ขั้นที่ 2 ขั้นดำเนินการ (Do)
1. ดำเนินการจัดการเรียนการสอนและเก็บรวบรวมข้อมูล
1) ทดสอบก่อนเรียน (Pretest) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบราโอ (สาขากูนิง) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 12 คน โดยใช้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง แล้วบันทึกคะแนนเก็บไว้เปรียบเทียบกับคะแนนทดสอบหลังเรียน
2) ดำเนินการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซเรื่องการคูณควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้จัดทำขึ้น ซึ่งมีการวัดผลและประเมินผลระหว่างทำกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยการทำแบบฝึกหัด ใช้เวลา 16 ชั่วโมง ไม่รวมทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
3) เมื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอนเรียบร้อยแล้วจึงดำเนินการทดสอบหลังเรียน (Posttest) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการคูณ แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบราโอ (สาขากูนิง) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 12 คน โดยใช้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง แล้วบันทึกคะแนน
4) นำแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซเรื่องการคูณควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ โดยใช้แบบสอบถามให้นักเรียนทำการประเมิน
5) นำผลคะแนนที่ได้จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซเรื่องการคูณควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ และ การประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซเรื่องการคูณควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ ของนักเรียนมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการทางสถิติ
ขั้นที่ 3 ขั้นการตรวจสอบประเมินผล (Check)
สังเกตและตรวจสอบผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทุกครั้ง
เปรียบเทียบคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
ประเมินความก้าวหน้าขององค์ความรู้ของนักเรียนเป็นระยะ ๆ ผ่านการทำแบบฝึกหัดในทุกคาบเรียน
ขั้นที่ 4 ขั้นรายงานผลเพื่อการปรับปรุงพัฒนา (Action)
สรุปรายงานผลการจัดการเรียนรู้ และผลการประเมินการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
นำผลการประเมินมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนพัฒนาในปีต่อไป
4. ผลการดำเนินงาน ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่ได้รับ
4.1 ผลที่เกิดตามจุดประสงค์
จากการดำเนินการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ผลดังนี้
1) ผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณเฉลี่ย 8.25 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82.50 และจำนวนนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์เรื่องการคูณตามเกณฑ์ร้อยละ70 ขึ้นไป มีจำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 91.67
2) ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ พบว่า ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 4.00 คิดเป็นร้อยละ 40 หลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 8.25 คิดเป็นร้อยละ 82.50 มีค่าความพัฒนาเฉลี่ย 4.25 คิดเป็นร้อยละ 42.50 ดังนั้นคะแนนหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ผ่านการจัดการเรียน การสอนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิต การคูณ สูงกว่าก่อนเรียน
3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต่อการจัดการเรียนการสอนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการการจัดการเรียนการสอนเรื่องการคูณโดยใช้เทคนิคการคูณแบบแลททิซควบคู่กับสื่อการเรียนรู้กระดานแลททิซพิชิตการคูณ มีช่วงของค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.92 4.92 โดยรายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ สื่อการสอนมีความชัดเจน เข้าใจง่าย มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจสูงสุดเท่ากับ 4.92 ความพึงพอใจภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46