รายงานแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices)
ชื่อผลงาน : การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
ชื่อผู้เสนอผลงาน : นางสาวจุฑาทิพญาณี บุญจิตร ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3
ประเภทผลงาน / นวัตกรรม ด้านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ระดับปฐมวัย (สำหรับครูผู้สอน)
1.1 ความสำคัญหรือความเป็นมาและสภาพของปัญหา
ในบริบทสังคมปัจจุบัน เด็กในวัยปฐมวัยเติบโตขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเทคโนโลยี สภาพสังคม และโครงสร้างครอบครัว การเข้าถึงสื่อดิจิทัล ตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้เด็กได้รับข้อมูลจำนวนมากในเวลาสั้น ไม่สามารถจัดการข้อมูลส่งผลให้เด็กมีสมาธิสั้นหรือขาดทักษะการควบคุมตนเอง ขณะเดียวกันสถานการณ์ทางสังคม เช่น การแข่งขันด้านการศึกษา การลดลงของการเล่นกลางแจ้ง และผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมน้อยลง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะสมอง (EF) ดังนั้น การส่งเสริมทักษะสมอง (EF) ในระดับอนุบาลจึงต้องปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของยุคปัจจุบัน โดย การใช้กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) แบบบูรณาการเพื่อฝึกความจำและการคิดเชิงวิเคราะห์ การสร้างกิจกรรมกลุ่มเพื่อพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันและการสื่อสาร การสอดแทรกกิจกรรมที่ช่วยฝึกสติ (Mindfulness) เพื่อเสริมสมาธิและการควบคุมอารมณ์ รวมถึงการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวันเพื่อฝึกการแก้ปัญหาอย่างยืดหยุ่น
ทักษะสมองส่วนหน้า หรือ Executive Functions (EF) หมายถึง กระบวนการทางสมองที่ช่วยให้บุคคลสามารถกำกับตนเอง วางแผน จัดลำดับความคิด ควบคุมพฤติกรรม และแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย EF เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้และการดำเนินชีวิตในระยะยาว ทั้งในด้านวิชาการ สังคม และการจัดการอารมณ์ของบุคคล วัยอนุบาลถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการพัฒนาทักษะ EF เนื่องจากสมองส่วนหน้ามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การพัฒนาทักษะนี้ตั้งแต่วัยต้น จะช่วยเสริมความพร้อมในการเรียนรู้ในระบบโรงเรียน เช่น การจดจำและปฏิบัติตามคำสั่ง การทำงานตามขั้นตอน และการรอคอยอย่างมีเหตุผล นอกจากนี้ EF ยังเป็นรากฐานของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration) ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการปรับตัวในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
1.2 แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนา
การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ควรเริ่มจากการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรสถานศึกษามีความสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 โดยเน้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่เหมาะสมตามวัย เช่น กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการคิดริเริ่ม ความกล้าแสดงออก รวมถึงการพัฒนาอารมณ์และจิตใจอย่างสมดุล สถานศึกษามีบทบาทสำคัญในการออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในทุกมิติ โดยใช้แนวทางแบบบูรณาการร่วมกับบริบทของชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเองและสภาพแวดล้อมรอบตัว
การเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและส่งผลดีต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กนอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ชุมชน และผู้ปกครองยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทุนมนุษย์ตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อเตรียมคนไทยให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืน จึงได้จัดทำแนวทางในการพัฒนาดังนี้
1. การจัดประสบการณ์ที่สอดคล้องกับหลักสูตรปฐมวัย พ.ศ. 2560
การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ควรเริ่มจากการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมตามวัย โดยเน้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริงจากประสบการณ์ตรงและส่งเสริมการแสดงออกอย่างอิสระ กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จึงเป็นสื่อกลางสำคัญที่ช่วยให้เด็กได้ฝึกทักษะการคิดริเริ่ม ความกล้าแสดงออก และพัฒนาทางอารมณ์และจิตใจ ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 มีมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยได้กำหนดแนวทางให้สถานศึกษาส่งเสริมบทบาทของผู้ปกครองในการสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับโรงเรียน การเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้ร่วมทำกับบุตรหลาน ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคมของเด็ก ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่อบอุ่นภายในครอบครัว อันเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้อย่างยั่งยืน ซึ่งการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เป็นไปตามนโยบายส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งช่วยสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ที่เข้มแข็งและยั่งยืนกับที่เน้นให้เด็กมีโอกาสพัฒนาอย่างรอบด้านแบบองค์รวม
2. การส่งเสริมบทบาทของผู้ปกครองตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญในการพัฒนา การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง โดยเฉพาะในด้านการกำกับตนเอง (Self-Regulation) ซึ่งเด็กที่เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อวินัยเชิงบวกจะสามารถควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ผู้ปกครองยังสามารถมีบทบาทในการส่งเสริมการคิดวางแผนและตั้งเป้าหมาย (Goal-Directed Behavior) ผ่านกิจกรรมประจำวัน เช่น การทำงานบ้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญในการพัฒนา การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง โดยเฉพาะในด้านการกำกับตนเอง (Self-Regulation)
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญในการพัฒนา การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง โดยเฉพาะในด้านการกำกับตนเอง (Self-Regulation) ซึ่งเด็กที่เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อวินัยเชิงบวกจะสามารถควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ผู้ปกครองยังสามารถมีบทบาทในการส่งเสริมการคิดวางแผนและตั้งเป้าหมาย (Goal-Directed Behavior) ผ่านกิจกรรมประจำวัน เช่น การทำงานบ้าน การวางแผนร่วมกับเด็ก หรือการสอนให้รับผิดชอบหน้าที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยพัฒนาโครงสร้างความคิดอย่างมีระบบ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความสามารถในการจดจ่อและรักษาความต่อเนื่องของพฤติกรรม (Sustained Attention) ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้เวลาความร่วมมือ
โดยมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในทุกมิติ ทั้งในฐานะ ผู้ร่วมมือ ฐานะผู้ส่งเสริม และ ฐานะผู้เป็นต้นแบบ ในการดูแล สนับสนุน และเสริมสร้างพฤติกรรมที่เหมาะสมของเด็ก ทั้งในบริบทของครอบครัวและโรงเรียนการส่งเสริมบทบาทดังกล่าวสามารถดำเนินการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การประชุมผู้ปกครอง แลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดกิจกรรมที่บ้านร่วมกับลูก และการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก นอกจากนี้ การพัฒนาศักยภาพผู้ปกครองในการดูแลและให้การเรียนรู้แก่บุตรหลานอย่างเหมาะสม ยังเป็นการสร้างเครือข่ายการศึกษาที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระดับชุมชนทางการศึกษา
3. การขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาประเทศเพื่อสร้างทุนมนุษย์ในศตวรรษที่ 21
การพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้าง ทุนมนุษย์ ที่มีคุณภาพสำหรับการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 2579 ซึ่งล้วนให้ความสำคัญกับการปลูกฝังทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 อาทิ ทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการเรียนรู้ตลอดชีวิตการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องอาศัยกลไกความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสถานศึกษาระดับปฐมวัยซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญอับดับแรกของการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ต้องดำเนินการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อโลกยุคใหม่ ควบคู่กับการเสริมสร้างสมรรถนะของครู ผู้ปกครอง และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านวิชาชีพ เทคโนโลยี และจิตวิญญาณความเป็นครู เพื่อให้สามารถปลูกฝังคุณลักษณะของผู้เรียนให้สอดคล้องกับบริบทของศตวรรษที่ 21
1.3 การกำหนดจุดประสงค์และเป้าหมาย
1. เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ก่อนทำกิจกรรมและหลังทำกิจกรรม
2 เพื่อพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
3.เพื่อหาแนวทางการจัดกิจกรรมที่เป็นรูปแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศในการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
เป้าหมายของการดำเนินงาน
เชิงปริมาณ : เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ร้อยละ 85 มีการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
เชิงคุณภาพ : เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ปีการศึกษา 2567 เกิดการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
ระยะเวลา
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์บูรณาการเข้ากับหน่วยการจัดประสบการณ์ จำนวน 8 หน่วยการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
2.ขั้นตอนการดำเนินงาน
2.1 การออกแบบผลงาน / นวัตกรรม
2.1.1 ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ศึกษารูปแบบวิธีการดำเนินงานในการพัฒนาด้านสติปัญญา ในปีการศึกษา 2565 และปีการศึกษา 2566 เพื่อหาจุดเด่นและจุดที่ควรพัฒนานำมาต่อยอดและปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานในปีการศึกษา 2567 และแนวทางการปฏิบัติจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
2.1.2 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 วิเคราะห์มาตรฐานการศึกษาปฐมวัย ตัวบ่งชี้
คู่มือพัฒนาทักษะสมอง EF สำหรับครูปฐมวัย
2.1.3 ศึกษา แนวคิด เกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
2.1.4 ศึกษา แนวคิด เกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยนำแนวทางมา
ปรับให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยและดำเนินการจัดประสบการณ์ผ่านการเรียนรู้แบบ Active Learning
2.1.5 ดำเนินการสร้างแผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับแผนการจัดประสบการณ์ ผ่านกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 เพื่อการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ทักษะสมอง (Executive Functions: EF) ด้านความคิดยืดหยุ่น (Cognitive Flexibility) หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนมุมมอง ปรับแนวคิด หรือปรับกลยุทธ์เมื่อเผชิญสถานการณ์ใหม่ ของความคิดสร้างสรรค์ต้องมีองค์ประกอบนี้ คือ ความคิดคล่องตัว (Fluency) ความคิดริเริ่ม (Originality) ความคิดละเอียดลออ (Elaboration)
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาความคิดยืดหยุ่น เพราะช่วยให้เด็กได้ฝึกความคิดคล่องตัว ความคิดริเริ่ม และความคิดละเอียดลออ การมีผู้ปกครองร่วมทำกิจกรรมจะช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนมุมมอง การสนับสนุนทางอารมณ์ และส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมของเด็ก
ดังนั้น การประเมินทั้งสามด้านเป็นองค์ประกอบย่อยที่ทำให้การคิดยืดหยุ่นเกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพและเป็นรูปธรรม ดังนี้ความสอดคล้องเชิงโครงสร้าง (Construct Alignment)
การประเมิน
ความสัมพันธ์ที่สอดคล้องความคิดยืดหยุ่น
ความคิดคล่องตัว
แสดงถึงความสามารถในการ ปรับเปลี่ยน แนวทางและเลือกใช้วิธีใหม่อย่างต่อเนื่อง
ความคิดริเริ่ม
เป็นแกนสำคัญของการเปลี่ยนมุมมองและสร้างทางเลือกนอกกรอบเดิม
ความคิดละเอียดลออ
สะท้อนการปรับปรุงและพัฒนาความคิดเดิมให้เหมาะกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง
2.1.6 ดำเนินการออกแบบเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและพร้อมจัดทำออกแบบเครื่องมือในการประเมินการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง และมีขั้นตอนในการสร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อเพื่อพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่น เด็กปฐมวัยเป็นรายบุคคล
2.1.7 ดำเนินการออกแบบสร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมเรื่อง การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
2.1.8 นำนวัตกรรมไปดำเนินการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ตามแผนการจัดประสบการณ์เพื่อการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
1. ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในการสร้างแบบประเมินการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
2. สร้างแบบประเมินการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครองปฐมวัย ที่ข้าพเจ้าสร้างขึ้น
3. นำแบบประเมินการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง จำนวน 27 คน
2.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม
ดำเนินงานตามขั้นตอนการดำเนินงาน ในรูปแบบ วงจรเดมมิ่ง PDCA (Deming Cycle)
โครงสร้าง PDCA ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน
P = Plan คือ การวางแผน
D = DO คือ การปฏิบัติตามแผน
C = Check คือ การตรวจสอบ
A = Act คือ การปรับปรุงการดำเนินการ
ขั้นที่ 1 วางแผนก่อนการดำเนินการ (Plan)
1. กำหนดเป้าหมาย การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
2.วางแผนการจัดประสบการณ์ การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง หลังจากได้ผ่านการศึกษาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจึงได้วางแผนการจัดประสบการณ์โดยกำหนดจุดประสงค์และรูปแบบของกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์โดยบูรณาการในกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมได้อย่างเหมาะสม
3.ออกแบบกิจกรรมเพื่อการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง พร้อมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยสามารถหาจากภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียนได้ตามบริบทของโรงเรียนโดยทุกคนมีส่วนร่วมในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์
กำหนดการสอนกิจกรรมการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2567
สัปดาห์ที่
วัน
กิจกรรม
วันที่
1 จันทร์ การปั้นตามจินตนาการ 7 พฤศจิกายน 2567
พุธ ตัวฉันในสวนมหัศจรรย์ 9 พฤศจิกายน 2567
2 จันทร์ การต่อเติมภาพตามรูปทรง 11 พฤศจิกายน 2567
พุธ การสร้างสรรค์ผลงานประกอบชิ้นงาน 13 พฤศจิกายน 2567
3 จันทร์ นกยูงรำแพน 18 พฤศจิกายน 2567
พุธ การสร้างสรรค์ประกอบชิ้นงาน 20 พฤศจิกายน 2567
4 จันทร์ สร้างบ้านใต้ทะเล 25 พฤศจิกายน 2567
พุธ การสร้างสรรค์ผลงานประกอบชิ้นงาน 27 พฤศจิกายน 2567
หมายเหตุ : กำหนดการสอนกิจกรรมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
ขั้นที่ 2 ดำเนินการปฏิบัติตามแผน (Do)
ก่อนการทดลอง นำแบบประเมินการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 27 คน แล้วบันทึกผลการทดสอบ (Pretest) ในการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการดำเนินการการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดสองครั้ง (One Group Pretest Posttest Design) ซึ่งมีลักษณะการทดลองดังตารางต่อไปนี้
แบบแผนการทดลอง
กลุ่มทดลอง สอบก่อน (Pretest) ทดลอง สอบหลัง (Posttest)
N T1 X T2
เมื่อ N แทน กลุ่มเป้าหมายในการทดลอง
T1 แทน พัฒนาการทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย (ก่อนทดลอง)
X แทน การจัดประสบการณ์ของปฐมวัย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๓ โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ กระบวนการเรียนรู้เชิงเชิงรุก (Active Learning)
T2 แทน พัฒนาการทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย (หลังการทดลอง)
ดำเนินการสอนกลุ่มทดลองด้วยตนเอง ตามแผนการจัดประสบการณ์การสอนโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่ได้สร้างขึ้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียนโดยการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน ที่ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงความคิดเห็นและลองทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันก็ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม เช่น ช่วยเตรียมอุปกรณ์ กระตุ้นเด็กด้วยคำชมเชย หรือค่อยแนะนำเด็ก ๆ
ขั้นที่ 2 ขั้นสอน ผู้สอนสาธิตขั้นตอนให้เด็กปฐมวัยดูและปฏิบัติตามขั้นตอนและได้มอบหมายกิจกรรมศิลปะ ให้เด็กไปทำที่บ้านร่วมกับผู้ปกครอง เพื่อให้การเรียนรู้ต่อเนื่องนอกเวลาเรียน ตลอดช่วงการดำเนินงาน ผู้จัดทำจดบันทึกพฤติกรรมและความก้าวหน้าของเด็กแต่ละคน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผล
ขั้นที่ 3 เด็กปฐมวัยได้ลงมือปฏิบัติตามแผนการจัดกิจกรรม อนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 พร้อมทั้งสังเกตและบันทึกพฤติกรรม โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการทั้งหมด 4 สัปดาห์/สัปดาห์ละ 2 วัน คือ จันทร์ และพุธ วันละ 30 นาที
ขั้นที่ 4 สังเกตและบันทึกพฤติกรรมเด็กปฐมวัยเป็นรายบุคคล โดยมีงานนำกลับไปให้ผู้ปกครองได้ร่วมวางแผนการทำและนำกลับนำเสนอในครั้งต่อไป
ขั้นที่ 3 การตรวจสอบ (Check)
ตรวจสอบผลการจัดประสบการณ์และนำแบบประเมิน ดำเนินการทดสอบหลังการสอน (Post-test) โดยใช้แบบประเมินการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ชุดเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบก่อนการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 27 คน แล้วบันทึกผลการทดสอบ แล้วนำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าร้อยละและนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์คะแนนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ 85 สถิติที่ใช้ในการวิจัย
1. สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่
1.1 ร้อยละ (Percentage) โดยใช้สูตรดังนี้
เมื่อ P แทน ร้อยละ
f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงร้อยละ
N แทน จำนวนประชากร
1.2 ค่าเฉลี่ย โดยใช้สูตรดังนี้
เมื่อ แทน คะแนนเฉลี่ย
แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด
n แทน จำนวนคนในกลุ่มตัวอย่าง
1.3 สถิติที่ใช้ในการศึกษาเปรียบเทียบคะแนนสอบ โดยใช้สูตร t-test (Dependent Samples)
เมื่อ t แทน ค่าสถิติ t-test
D แทน ผลต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนสอนและหลังสอน
แทน ผลรวมของความแตกต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนสอน และหลังสอน
แทน ผลรวมของผลต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนแต่ละตัวยกกำลังสอง
แทน ผลรวมของผลต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนสอน และหลังสอนทั้งหมดยกกำลังสอง
N แทน จำนวนเด็กในกลุ่มตัวอย่าง
ขั้นที่ 4 การปรับปรุงการดำเนินงาน (Act)
หลังจากดำเนินการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการทดสอบก่อน และหลังการทดลองสอนโดยการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง นำมาวิเคราะห์ผลต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบทั้งสองครั้ง ด้วยวิธีการทางสถิติ นำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ให้ดีขึ้นปรับปรุงกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็กปฐมวัย
2.3. ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
2.3.1 ผลการดำเนินงานตามจุดประสงค์
เด็กระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ จำนวน 27 คน ที่ได้รับการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้าน ด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์อยู่ในระดับปานกลาง หลังได้รับการจัดกิจกรรมการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์อยู่ในระดับมากที่สุด
เด็กอนุบาล 3 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ จำนวน 27 คน เกิดพฤติกรรมการแสดงออกด้านความคิดยืดหยุ่นที่สูงขึ้น จากการจัดกิจกรรมที่มีความชัดเจนและเป็นระบบ ครอบคลุมขั้นตอนการดำเนินงาน ระยะเวลา บทบาทของผู้ปกครอง วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น และวิธีการประเมินผล รูปแบบดังกล่าวมีความยืดหยุ่น สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในบริบทของชั้นเรียน การเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง เด็กได้ลงมือปฏิบัติ การฝึกฝนซ้ำ ๆ ในการแก้ปัญหา และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิดหรือแนวทางปฏิบัติได้อย่างยืดหยุ่นเมื่อต้องเผชิญอุปสรรค ผู้ปกครองทำหน้าที่เสมือน ผู้ปกครอง คอยตั้งคำถาม กระตุ้นการคิด เพื่อกระตุ้นพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่น ในขณะเดียวกันเกิดพฤติกรรมความเชื่อมั่นในตนเองสูงตามไปด้วย
สถานศึกษามีรูปแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศในการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อย่างมีประสิทธิภาพ
2.2 ผลสัมฤทธิ์การดำเนินงาน
ตาราง 2.2.1 ตารางแสดงรายละเอียดผลคะแนนและร้อยละการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง เป็นรายบุคคลและค่าเฉลี่ยรวม
ที่ ก่อนเรียน หลังเรียน เพิ่ม/ลด
20 ร้อยละ 20 ร้อยละ คะแนน ร้อยละ
1. 11 55.00 17 85.00 6 30.00
2. 12 60.00 18 90.00 6 30.00
3. 9 45.00 16 80.00 7 35.00
4. 12 60.00 18 90.00 6 30.00
5. 8 40.00 17 85.00 9 45.00
6. 8 40.00 16 80.00 8 40.00
7. 9 45.00 18 90.00 9 45.00
8. 6 30.00 16 75.00 9 45.00
9. 8 40.00 16 80.00 8 40.00
10. 5 25.00 15 75.00 10 50.00
11. 9 45.00 17 85.00 8 40.00
12. 11 55.00 18 90.00 7 35.00
13. 8 40.00 18 90.00 10 50.00
14. 12 60.00 18 90.00 6 30.00
15. 12 60.00 19 95.00 7 35.00
16. 7 35.00 16 80.00 9 45.00
17. 9 45.00 18 90.00 9 45.00
18. 9 45.00 19 95.00 10 50.00
19. 5 25.00 16 80.00 11 55.00
20. 11 55.00 18 90.00 7 35.00
21. 5 25.00 14 70.00 9 45.00
22. 5 25.00 13 65.00 8 40.00
23. 7 35.00 15 75.00 8 40.00
24. 8 40.00 17 85.00 9 45.00
25. 5 25.00 15 75.00 10 50.00
26. 11 55.00 18 90.00 7 35.00
27. 11 55.00 19 95.00 8 40.00
รวม 5.18 25.89 10.09 50.44 24.56 23.44
ตาราง 2.2.2 การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง จำนวนคน ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์
การแจกแจงแบบที
ก่อนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 27 8.63 2.44
30.05
หลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 27 16.81 1.59
จากตาราง 2.2.2 พบว่า การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 8.63 คะแนน และ 16.81 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ พบว่า คะแนนหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง สูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ตาราง 2.2.3 แสดง คะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละ ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล 3 ที่ได้คะแนนพัฒนากิจกรรมการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
การประเมิน การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์รายด้าน
ด้านความคิดริเริ่ม ด้านความคิดริเริ่ม ด้านความคิดยืดหยุ่น ด้านความคิดละเอียดลออ
ก่อนได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
3.30
3.27
3.05
3.25
หลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
4.54
4.45
4.60
4.53
ตารางที่ 2.2.4 แสดงคะแนนค่าเฉลี่ยร้อยละ ผลการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3
โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
หัวข้อ ก่อนการทดลอง หลังการทดลอง
S.D. ระดับ S.D. ระดับ
ด้านความคิดริเริ่ม
1. สามารถสร้างผลงานได้ด้วยตนเองโดยไม่ซ้ำกับเพื่อน 3.15 0.80 ปานกลาง 4.44 0.68 มาก
2. มีความคิดที่แปลกใหม่เกิดจากจินตนาการของตนเอง 3.26 0.80 ปานกลาง 4.52 0.64 มากที่สุด
3. สามารถสร้างผลงานขึ้นใหม่ได้โดยอิสระ 3.56 0.87 มาก 4.65 0.55 มากที่สุด
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.32 0.83 ปานกลาง 4.54 0.63 มากที่สุด
ด้านความคิดคล่องตัว
1. สามารถสร้างผลงานโดยไม่ซ้ำกับเพื่อนและทำงานได้อย่างรวดเร็ว 3.15 1.04 ปานกลาง 4.44 0.74 มาก
2. สามารถประดิษฐ์สร้างผลงานได้อย่างรวดเร็วและแปลกใหม่ 3.19 0.94 ปานกลาง 4.41 0.73 มาก
3. สามารถบอกสิ่งที่ตนเองทำได้อย่างรวดเร็ว 3.48 0.92 ปานกลาง 4.50 0.68 มากที่สุด
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.27 0.97 ปานกลาง 4.45 0.72 มาก
ด้านความคิดยืดหยุ่น
1. สามารถคิดและจินตนาการสร้างผลงานที่แปลกใหม่ 3.00 0.94 ปานกลาง 4.56 0.63 มากที่สุด
2. สามารถคิดและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างสวยงาม 3.19 0.94 ปานกลาง 4.63 0.62 มากที่สุด
3. สามารถคิดสร้างผลงานได้อย่างหลากหลาย และมีอิสระ 2.96 0.96 ปานกลาง 4.62 0.62 มากที่สุด
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.05 0.95 ปานกลาง 4.60 0.62 มากที่สุด
ด้านความคิดละเอียดลออ
1. มีความคิดที่รอบคอบ 3.22 0.99 ปานกลาง 4.52 0.69 มากที่สุด
2. มีความคิดที่ละเอียดลออและสร้างผลงานได้อย่างสวยงาม 3.30 0.85 ปานกลาง 4.63 0.55 มากที่สุด
3. สามารถสร้างผลงานได้อย่างมีคุณภาพ 3.22 1.07 ปานกลาง 4.44 0.74 มาก
เฉลี่ยทั้งด้าน 3.25 0.97 ปานกลาง 4.53 0.66 มากที่สุด
รวม 3.22 0.93 ปานกลาง 4.53 0.66 มากที่สุด
จากตาราง 2.2.4 พบว่า การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง (=3.22, S.D. = 0.93) หลังได้รับการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.53, S.D. = 0.66) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านความคิดริเริ่ม พบว่า เด็กปฐมวัยก่อนได้รับการพัฒนาทักษะสมองด้านด้านความคิดริเริ่ม ของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง (= 3.32, S.D. = 0.83) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.50, S.D. = 0.63)
ด้านความคิดคล่องตัว พบว่า การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดคล่องตัวของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง (= 3.32, S.D. = 0.97) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมาก (= 4.45, S.D. = 0.72)
ด้านความคิดยืดหยุ่น พบว่า การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง (= 3.05, S.D. = 0.95) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.60, S.D. = 0.62)
ด้านความคิดละเอียดลออ พบว่า การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดละเอียดลออของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง อยู่ในระดับปานกลาง (= 3.25, S.D. = 0.97) หลังได้รับการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.53, S.D. = 0.66)
2.4 การมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ประโยชน์ที่เกิดจากนวัตกรรม
2..4..1 เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ทีดีมากขึ้น เกิดความพร้อมมั่นใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พร้อมทั้งได้พัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การวางแผน และการควบคุมตนเอง (EF) อีกทั้งยังส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมอย่างเหมาะสม เกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง สามารถแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองจากการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวันได้
2.4.2 ผู้ปกครองได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ของบุตรหลาน ทำให้เข้าใจบทบาทในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรหลานมากยิ่งขึ้น
2.4.3 ครูผู้สอนพัฒนาทักษะ และความรู้ การจัดประสบการณ์ รูปแบบใหม่ๆ ส่งผลให้เกิดความชำนาญในการจัดกิจกรรม ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและบูรณาการความร่วมมือกับผู้ปกครอง ตระหนักในการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง
2.4.4 โรงเรียนมีแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เป็นการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัย ซึ่งสามารถเผยแพร่ได้ต่อเพื่อนครูหรือบุคคลที่สนใจ
3.ผลสำเร็จที่ได้
3.1 ผลสำเร็จที่ได้
3.1.1 เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง ทีดีมากขึ้น เกิดความพร้อมมั่นใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พร้อมทั้งได้พัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การวางแผน และการควบคุมตนเอง (EF) อีกทั้งยังส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมอย่างเหมาะสม เกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง สามารถแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองจากการเล่นและการทำกิจวัตรประจำวันได้
3.1.2 ผู้ปกครองได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ของบุตรหลาน ทำให้เข้าใจบทบาทในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรหลานมากยิ่งขึ้น
3.1.3 ครูผู้สอนพัฒนาทักษะ และความรู้ การจัดประสบการณ์ รูปแบบใหม่ๆ ส่งผลให้เกิดความชำนาญในการจัดกิจกรรม ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและบูรณาการความร่วมมือกับผู้ปกครอง ตระหนักในการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่อง
3.1.4 โรงเรียนมีแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เป็นการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัย ซึ่งสามารถเผยแพร่ได้ต่อเพื่อนครูหรือบุคคลที่สนใจ
3.2 ประโยชน์ที่เกิดจากนวัตกรรม
1. ด้านเด็ก
เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของสมองส่วนหน้า ทำให้เด็กสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ อีกทั้งกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่จัดร่วมกับผู้ปกครองช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ฝึกการวางแผนอย่างมีขั้นตอน และพัฒนาทักษะการควบคุมตนเอง (Executive Functions: EF) ซึ่งรวมถึงการยับยั้งชั่งใจ การมุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จ และการคิดอย่างมีระบบ เด็กยังได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ เช่น การรับรู้และแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม การเข้าสังคมและทำงานร่วมกับผู้อื่น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและผู้ใหญ่ ส่งผลให้เด็กเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ และเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จของตนเอง ทั้งนี้ เด็กยังได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองจากการเล่นและกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเป็นการวางรากฐานให้เด็กเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
2. ด้านผู้ปกครอง
ผู้ปกครองได้รับโอกาสมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในกิจกรรมการเรียนรู้ของบุตรหลาน ผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่จัดขึ้น ทำให้ผู้ปกครองเข้าใจพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างลึกซึ้ง และตระหนักถึงบทบาทสำคัญของตนในการสนับสนุนการเรียนรู้ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน การมีส่วนร่วมนี้ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะผู้ปกครองได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกับบุตรหลาน ร่วมคิด ร่วมทำ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังทำให้ผู้ปกครองสามารถนำแนวคิดและวิธีการส่งเสริมพัฒนาการเด็กไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การจัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสม การส่งเสริมการเล่นอย่างมีเป้าหมาย หรือการใช้คำพูดและพฤติกรรมเชิงบวกต่อเด็ก ผลลัพธ์คือผู้ปกครองเกิดความมั่นใจและความภูมิใจในการมีส่วนช่วยให้บุตรหลานเติบโตอย่างรอบด้าน พร้อมรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ
3. ด้านสถานศึกษา
สถานศึกษาได้รับประโยชน์จากการพัฒนาทักษะและความรู้ของครูผู้สอนในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ครูได้ฝึกฝนการวางแผนกิจกรรมที่หลากหลาย บูรณาการกับความร่วมมือของผู้ปกครอง ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างบ้านและโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โรงเรียนยังได้พัฒนาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) ซึ่งเป็นต้นแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพและสามารถเผยแพร่ให้ครูหรือบุคคลทั่วไปนำไปปรับใช้ได้ ช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเรียนการสอนสมัยใหม่ อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือแก่โรงเรียน การมีระบบสนับสนุนที่ต่อเนื่องทำให้ครูและบุคลากรมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของเด็กปฐมวัยได้อย่างแท้จริง
4. ปัจจัยความสำเร็จ
4.1 ผู้บริหารมีภาวะผู้นำและให้ความสำคัญสนับสนุนในการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมส่งเสริมเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำในการออกแบบ แผนการจัดประสบการณ์ ในการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณะครูในรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ของครู (Professional Learning Community : PLC) พัฒนานวัตกรรมให้เกิดประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยมากที่สุดเด็กปฐมวัย ให้ความสนใจและมีความสุขขณะทำกิจกรรมด้วยความกระตือรือร้นด้วยตนเอง
4.2 การจัดกิจกรรมใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านวิธีการเล่น ได้ลงมือปฏิบัติจริงมีความสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และคู่มือพัฒนาทักษะสมอง EF สำหรับครูปฐมวัยมีการประเมินพัฒนาการและ ปรับปรุงผลการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยมีวิธีการประเมินที่หลากหลาย ในเป็นการประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในรายบุคคล รวมทั้งได้ศึกษาข้อมูลการพัฒนาการทางด้านสติปัญญา จากรายงานพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน ชั้นอนุบาล 3 ปีการศึกษา 2565 -2566 และประสบการณ์ในการสอน และเข้ารับการอบรมจึงได้ดำเนินการจัดทำ Best Practice ในปีการศึกษา 2567
4.3 มีรูปแบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยโดยการจัดประสบการณ์เป็นรูปแบบที่ใช้กระบวนการตามวงจรคุณภาพ วงจรเดมมิ่ง PDCA (Deming Cycle) ซึ่งมีการวางแผนการลงมือปฏิบัติตามแผนการตรวจสอบผลการจัดประสบการณ์การปรับปรุงซึ่งการดำเนินงานที่เป็นขั้นตอนจึงทำให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
5.บทเรียนที่ได้รับ
5.1 การระบุข้อมูลที่ได้รับและการนำผลงานไปใช้
ในการจัดประสบการณ์ การพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง มีดังนี้
5.1.1 การนำแบบแผนการจัดประสบการณ์การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง
5.1.2 แบบแผนการจัดประสบการณ์การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีความสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และมีความยืดหยุ่นตามบริบทของโรงเรียนได้อย่างเหมาะสม
5.1.3 การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ส่งผลดีต่อทั้งผู้ปกครองดังนี้ ด้านผู้ปกครองการมีส่วนร่วมช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและพัฒนาการของลูกมากขึ้นเสริมสร้าง ความรู้สึกอบอุ่น มั่นใจ และได้รับการยอมรับ ส่งผลให้ เด็กเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ สามารถสื่อสาร และประสานงานกับครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมกับ โรงเรียน การเห็นพัฒนาการของลูกผ่านผลงานศิลปะยังช่วยเสริมสร้าง ความภาคภูมิใจ และกระชับ ความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นมากยิ่งขึ้น
5.1.4 เกิดความเข้มแข็งความร่วมมือในชุมชุนระหว่างระหว่าง ครู ผู้ปกครอง ผู้บริหารที่มี ประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยพัฒนาการสมวัย
5.2 ขยายผล ต่อยอด หรือประยุกต์ใช้ผลงาน นวัตกรรม หรือวิธีการปฏิบัติ
5.2.1 จากการทำนวัตกรรมในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การจัดการพัฒนาทักษะสมองด้านความคิดยืดหยุ่นของเด็กอนุบาล 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เน้นกระบวนการร่วมกับผู้ปกครอง มีการศึกษากิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคลที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามความสามารถของเด็กควรใช้เป็นแนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองผ่านกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ระดับปฐมวัย
5.2.2 ควรมีการศึกษากิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ในระยะยาวเพื่อติดตามพัฒนาการที่ส่งผลต่อความเชื่อนในตนเองของเด็กปฐมวัยกันอย่างน้อย 3 ปี เพื่อติดตามคุณภาพของการพัฒนา
5.2.3 การสังเกตพฤติกรรมการขณะทำกิจกรรม การเล่าถึงผลงาน และควรจดบันทึกพฤติกรรมคำสนทนาคำพูดคุย ในระหว่างที่เด็กทำกิจกรรม เพื่อติดตามผลการพัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไข และประสานความร่วมมือไปยังผู้ปกครองชั้นอนุบาล 3 ควรสร้างแบบบันทึกพฤติกรรมขณะทำกิจกรรมอยู่ที่บ้านในรูปแบบของกูเกิ้ลชีต เพื่อให้ผู้ปกครองได้เสนอความคิดเห็น พฤติกรรมที่เกิดขึ้นขณะทำกิจกรรม
5.2.4 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทของแต่ละโรงเรียนได้ สามารถนำรูปแบบกิจกรรมและแนวทางการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองไปปรับใช้ให้เหมาะกับช่วงวัยหรือรายวิชาที่แตกต่างกัน ในระดับโรงเรียนหรือเครือข่ายโรงเรียน สามารถติดตามประเมินผลระยะยาวของเด็กที่ได้รับการพัฒนาเมื่อเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เพื่อศึกษาถึงความยั่งยืนของผลลัพธ์ที่ได้