ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?


บทความการศึกษา 15 พ.ค. 2558 เวลา 14:13 น. เปิดอ่าน : 10,079 ครั้ง
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

Advertisement

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

เสียงงอแงแสบแก้วหู บ้างวิ่งพล่านกระโดดโลดเต้น บ้างหยิบฉวยขว้างปาข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว เป็นพฤติกรรมของเด็กๆที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ยันฟุตบาทริมถนน

ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเกิดจากความไร้เดียงสา หรือการปล่อยปะละเลยของพ่อแม่ผู้ปกครอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจแก่คนรอบข้างอยู่ไม่น้อย

เมื่อลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

ไม่นานนี้ เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพเด็กชายตัวกระเปี๊ยกสองคนปีนป่ายขึ้นโต๊ะอาหาร พลางตั้งท่าเล่นปล่อยพลังกันอย่างครึกครื้น โดยผู้ใหญ่ที่มาด้วยนั่งกินข้าวหน้าตาเฉย ไม่คิดจะห้ามปราม ภาพดังกล่าวได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจนเกิดกระแสต่อต้านผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ "ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน" ตีแผ่พฤติกรรมไม่เหมาะสมของเด็กบางคนที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่คนอื่นในที่สาธารณะ โดยพุ่งเป้าไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่ยอมว่ากล่าวตักเตือนลูก

ทุกเหตุการณ์ยากที่จะปฏิเสธว่าเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่กรีดร้องโวยวายในโรงหนัง เขวี้ยงปาข้าวของจนเลอะเทอะในร้านอาหาร กระโดดเล่นบนเตียงสินค้าที่วางโชว์ เปิดม่านเล่นในห้องลองชุด แกะถุงขนมกินกันเอร็ดอร่อยในซูเปอร์มาร์เก็ต เล่นต่อสู้กันเลยเถิดไปโดนคนอื่นได้รับบาดเจ็บหรือข้าวของแตกเสียหาย

พญ.นลินี  เชื้อวณิชชากร กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รพ.มนารมย์ อธิบายว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาคลาสสิกที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ในอดีตไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์กจึงไม่มีเสียงสะท้อนตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนสมัยนี้

"เด็กแต่ละคนมีความซุกซนแตกต่างกัน บางคนสอนยาก บางคนสอนง่าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ เด็กธรรมดาทั่วไป โดยพื้นฐานแล้วพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกๆมีกิริยามารยาทเรียบร้อยต่อหน้าผู้อื่น แต่บางคนไม่รู้จะรับมืออย่างไรเวลาที่ลูกปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องเหมาะสมเวลาอยู่นอกบ้าน อีกกลุ่มคือ เด็กพิเศษ พวกนี้เวลาออกนอกบ้านอาจควบคุมได้ยากกว่าเด็กทั่วไป เช่น ชอบวิ่งวุ่นวายไปทั่ว หยิบจับขว้างปาข้าวของ ร้องไห้งอแง ปีนป่ายกระโดดโลดเต้น จึงเป็นภาระหนักของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งบางครั้งอาจเกินกว่าจะรับมือไหวจนพลั้งเผลอหลุดหูหลุดตาไป มองในแง่ดี การมีเสียงสะท้อนจากคนในสังคมแบบนี้ ถือเป็นการกระตุกเตือนให้พ่อแม่รู้สึกตัวว่าควรหันมาใส่ใจดูแลสั่งสอนลูกหลานเกี่ยวกับเรื่องมารยาทในสังคม เพราะหน้าที่ของพ่อแม่ไม่ใช่เพียงแต่เลี้ยงดูลูกให้เติบโตแข็งแรง มีการศึกษาที่ดี มีความสุข แต่ต้องปลูกฝังเรื่องกิริยามารยาทด้วย"

พ่อแม่ไม่สั่งสอนจริงหรือ?

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มไปทั่วโลกโซเชียล บ้างก็ว่าเป็นความซุกซนตามธรรมชาติของเด็ก ไม่ควรถือสาหาความ อีกฝ่ายมองว่าผู้มีส่วนทำให้เทพบุตรตัวน้อยกลายเป็นปีศาจจอมกวนก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่สนใจตักเตือนลูกหลานตัวเอง

พรภัทร์ บาเรลลี่ แม่บ้านลูกหนึ่ง มองว่า พ่อแม่ยุคนี้ชอบสปอยล์ลูก ทั้งที่ลูกทำตัวไม่น่ารัก แต่ก็ไม่เคยคิดตักเตือนหรือลงโทษ หนำซ้ำยังให้ท้ายอีกต่างหาก

"อย่าลืมว่าเวลาออกนอกบ้าน เรากำลังอยู่ร่วมกันกับคนอีกจำนวนมากในสังคม และไม่ใช่ทุกคนที่รักเด็ก ในฐานะแม่คนหนึ่งคิดว่าเพจนี้มีประโยชน์มากๆสำหรับคนเป็นพ่อแม่ เพราะทำให้ได้รู้ว่าคนในสังคมเขาคิดอย่างไรต่อพฤติกรรมไม่น่ารักของเด็กที่ผู้ปกครองปล่อยปะละเลย ไม่ตักเตือน ไม่สั่งสอน จนไปละเมิดสิทธิ์ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่น ทุกวันนี้เวลาจะออกไปไหน จะเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ พกขนมพกของเล่นที่ลูกชอบ พอเขาเริ่มงอแงก็เอาออกมาดึงความสนใจ ถ้าเอาไม่อยู่จริงๆจะใช้วิธีอุ้มไปเดินเล่น เปลี่ยนบรรยากาศ สุดท้ายก็ดีขึ้น ขอฝากไปยังคนในสังคมว่าให้ใจเย็นกันสักนิด อยากให้เข้าใจธรรมชาติของเด็กด้วย ถ้าเกินจะทนจริงๆก็ควรใช้วิธีตักเตือนพ่อแม่อย่างสุภาพ แต่ปัญหาก็คือ พ่อแม่บางคนมีทิฐิแรง ไม่ยอมรับผิด โอ๋ลูก ใครจะมาดุด่าไม่ได้ อาจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง"

สุพัตรา สุวรรณบุปผา คุณแม่ลูกสอง เล่าว่า ที่ผ่านมาใช้วิธีให้ลูกโตถึงวัยที่เหมาะสมก่อนพาไปเที่ยวนอกบ้าน เพื่อจะได้ไม่สร้างปัญหาแก่ผู้อื่น และทุกครั้งที่ออกจากบ้านจะกำชับเสมอว่าจะไปไหน พบเจอใคร ต้องทำตัวอย่างไรบ้าง

"ทุกครั้งเวลาจะพาไปเที่ยวห้าง ก่อนออกจากบ้านจะคุยกับลูกก่อนว่าห้ามวิ่งเล่นเอะอะเสียงดังรบกวนคนอื่น หรือไปไกลจากสายตาแม่ ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็จะส่งสายตาดุๆ หรือไม่ก็พูดตักเตือนเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง หน้านิ่งๆ ไม่ตะคอก ไม่ตี ที่สำคัญเมื่อเขาทำผิด ต้องหัดให้เขารู้จักที่จะขอโทษทุกครั้ง"

เคล็ดลับดูแลลูกน้อยไม่ให้ออกลาย

ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่น่าสนใจของ พญ.นลินี กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รพ.มนารมย์

"พ่อแม่ควรฝึกฝนและเรียนรู้เรื่องการดูแลลูกในการออกสู่สังคม ถ้าเป็นเด็กเล็ก อายุ 1-6 ขวบ พ่อแม่ควรสลับหมุนเวียนกันดูแล หรือบางทีก็อาจใช้อุปกรณ์ช่วยด้วย เช่น เป้จูงเด็ก สำหรับเด็กโต อายุ 6-12 ขวบ ควรตั้งกฎกฎิกาก่อนออกจากบ้านว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะก็หมั่นสังเกตภาษากายของคนรอบข้าง เนื่องจากปฏิกิริยาแรกที่บ่งชี้ว่าไม่พอใจจะมาจากการส่งสัญญาณผ่านสีหน้า แววตา ท่าทาง ขณะเดียวกัน คนในสังคมก็ไม่ควรใช้วิธีตำหนิติติงด้วยถ้อยคำรุนแรง อาจรอจังหวะในการใช้วิธีส่งสัญญาณให้พ่อแม่เด็ก หรือเด็กได้รู้ตัว พึงนึกถึงใจเขาใจเราว่าบางครั้งพ่อแม่เด็กอาจไม่ทันระวังตัว หรือพลั้งเผลอก็ได้ สุดท้ายหากจำเป็นต้องตักเตือนเด็ก ควรตักเตือนด้วยประโยคสั้นๆเด็ดขาด ไม่ใช้อารมณ์" 

วรารักษ์ สู่โนนทอง นักเขียนชื่อดัง เธอบอกว่า พ่อแม่ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก เพราะเด็กจะไม่เรียนรู้จากคำบอก หรือคำสั่ง แต่จะเรียนรู้และจดจำจากการปฏิบัติตัวของพ่อแม่

"สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่"ทำตัว"อย่างไร ไม่ใช่พ่อแม่"เลี้ยงลูก"อย่างไร" เพราะลูกจะซึมซับพฤติกรรมของพ่อแม่นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ทุกสิ่งทุกอย่างจะฝังลงไปในตัวเด็ก ฉะนั้นถ้าพ่อแม่ทำกิริยาไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ ลูกซึ่งยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแยกแยะว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ก็จะคิดว่าแบบนั้นสามารถทำได้"

ไม่ว่าจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก หรือการละเลยมองข้ามของผู้ใหญ่ บางครั้งลูกของเราอาจแสดงพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้ผู้อื่นอย่างไม่ตั้งใจ คงหนีไม่พ้นพ่อแม่ที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ตักเตือน ขอโทษ และอบรมสั่งสอนลูกน้อยให้ถูกต้องต่อไป

 

ขอบคุณที่มาจาก โพสต์ทูเดย์ 11 พฤษภาคม 2558


กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?กระแสแอนตี้เด็กแสบ...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ลดการสอบเพื่ออะไร ?

ลดการสอบเพื่ออะไร ?


เปิดอ่าน 9,728 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

โรงเรียนสุขภาวะตอบโจทย์ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”

โรงเรียนสุขภาวะตอบโจทย์ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”

เปิดอ่าน 15,256 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ปฏิรูปการศึกษาส่วนภูมิภาค 6 เดือน กศจ.ไปต่ออย่างไร? โดย อดิศร เนาวนนท์
ปฏิรูปการศึกษาส่วนภูมิภาค 6 เดือน กศจ.ไปต่ออย่างไร? โดย อดิศร เนาวนนท์
เปิดอ่าน 22,153 ☕ คลิกอ่านเลย

Speed Leader 5 กุญแจความสำเร็จสร้างผู้นำ
Speed Leader 5 กุญแจความสำเร็จสร้างผู้นำ
เปิดอ่าน 13,624 ☕ คลิกอ่านเลย

สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557
สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557
เปิดอ่าน 9,159 ☕ คลิกอ่านเลย

ปัจจัยฉุดรั้งการศึกษา (จบ)
ปัจจัยฉุดรั้งการศึกษา (จบ)
เปิดอ่าน 8,152 ☕ คลิกอ่านเลย

ชำแหละ "ข้อสอบระดับชาติ" เพิ่มเด็กด้อยโอกาส-ไม่สะท้อนความรู้ในห้องเรียน
ชำแหละ "ข้อสอบระดับชาติ" เพิ่มเด็กด้อยโอกาส-ไม่สะท้อนความรู้ในห้องเรียน
เปิดอ่าน 13,556 ☕ คลิกอ่านเลย

ม.44 "มาสเตอร์คีย์ผ่าทางตัน"ปฏิรูปการศึกษา??
ม.44 "มาสเตอร์คีย์ผ่าทางตัน"ปฏิรูปการศึกษา??
เปิดอ่าน 14,584 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

6 นิสัยที่ทำให้อายุยืน ใช่คุณครบทุกข้อไหม
6 นิสัยที่ทำให้อายุยืน ใช่คุณครบทุกข้อไหม
เปิดอ่าน 30,023 ครั้ง

เพลงประจำอาเซียน (ASEAN SONG)
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN SONG)
เปิดอ่าน 62,300 ครั้ง

รูปแบบการสอนวิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
รูปแบบการสอนวิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
เปิดอ่าน 18,796 ครั้ง

แนะนำวิธีจัดโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับครู
แนะนำวิธีจัดโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับครู
เปิดอ่าน 19,130 ครั้ง

ดูให้รู้ - วิธีการสอนเพื่อพัฒนาสมองทั้งซีกขวาและซ้ายในญี่ปุ่น
ดูให้รู้ - วิธีการสอนเพื่อพัฒนาสมองทั้งซีกขวาและซ้ายในญี่ปุ่น
เปิดอ่าน 97,440 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ