ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน

ชื่อผู้วิจัย นางกีรติกานต์ ศรีขัดเค้า

ครู วิทยฐานะ ครู ชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนบ้านหนองหินโคน

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคนเป็นการวิจัยและพัฒนา มี 4 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 การวิจัย (Research: R1): ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน

ขั้นที่ 2 การพัฒนา (Development: D1): พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ ขั้นที่ 3 การวิจัย (Research: R2): ทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ ขั้นที่ 4 การพัฒนา (Development: D2): ประเมินรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 20 คน ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จัดนักเรียนแบบคละความสามารถ กำหนดรูปแบบการทดลองแบบหนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pretest - Posttest Design) มีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัย ปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน 3) เพื่อศึกษาความสามารถในการทำโครงงานและความสามารถ ในการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระหว่างเรียนกับหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงาน เป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบ ค่าทีแบบอิสระ (t – test Dependent Sample) และการวิเคราะห์เนื้อหา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน 3) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนเรียน/หลังเรียน 4) แบบประเมินความสามารถในการทำโครงงานและความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ระหว่างเรียน/หลังเรียน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน

ผลการศึกษา

1) ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 พบว่า รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน

มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ แนวคิดทฤษฎี 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหาสาระ 4) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 5) แหล่งเรียนรู้ 6) การวัดและประเมินผล ยึดหลักการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน เป็นฐาน มุ่งพัฒนาทักษะการทำโครงงาน สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานตามศักยภาพ ใช้แนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bloom ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ทักษะปฏิบัติของแฮร์โรว์ ทฤษฎีแรงจูงใจของมาสโลว์ และทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์เป็นแนวทางจัดกระบวนการเรียนรู้ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ หน่วยต้นไม้แสนรัก กระบวนการเรียนรู้ เรียกว่า PPLCCP Model มี 6 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ขั้นระบุปัญหา (Problem Identification: P) ขั้นที่ 2 ขั้นออกแบบโครงงาน (Project design: P) ขั้นที่ 3 ขั้นเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom learning: L) ขั้นที่ 4 ขั้นสร้างสรรค์ผลงาน (Creative Work: C) ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปและนำเสนอผลงาน (Conclusion and Presentation: C) ขั้นที่ 6 ขั้นประเมินปรับปรุงผลงาน (Performance Evaluation: P) ผลการหาประสิทธิภาพ E1/E2 กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1 ) ต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2 ) มีค่าเท่ากับ 95.38/91.38 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

2) ผลการศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน พบว่า ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะในด้าน 1) การประเมิน

2) การจำแนกประเภท 3) การแสดงปริมาณ 4) การสื่อความหมาย 5) การลงความเห็นจากข้อมูล

6) การหามิติสัมพันธ์ วัดความสามารถนักเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนเรียน/หลังเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แล้วนำผลการทดสอบมาวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าร้อยละ ผลการศึกษาพบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง มีผลการทดสอบก่อนเรียนคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 22.00 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 36.66 และมีผลการทดสอบหลังเรียนคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 53.45 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 89.08 แสดงว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 89.08 สูงกว่าก่อนเรียนและสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ตั้งไว้

3) ผลการศึกษาความสามารถในการทำโครงงานและความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนระหว่างเรียนกับหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน พบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างฝึกการทำโครงงานเป็น 6 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ระบุปัญหา (Problem Identification) ขั้นที่ 2 รวบรวมข้อมูล (Data Collection Related Project) ขั้นที่ 3 ออกแบบโครงงาน (Project Design) ขั้นที่ 4 ปฏิบัติการทดสอบและปรับปรุง (Testing and Project Improvement) ขั้นที่ 5 นำเสนอผลงาน (Presentation) ขั้นที่ 6 ประเมินผลโครงงาน (Evaluation) และฝึกความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ใน 4 ลักษณะ ได้แก่ 1) ความคิดริเริ่ม (Originality) 2) ความคล่องแคล่ว (Fluency) 3) ความยืดหยุ่น (Flexibility) 4) ความละเอียดลออ (Elaboration) ข้อมูล (Data Collection Related Project) วัดโดยใช้แบบประเมินความสามารถในการทำโครงงานและความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผลการศึกษาพบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียน 16.38 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 91.03 และคะแนนเฉลี่ย หลังเรียน 8.40 คิดเป็นร้อยละ 84.00 แสดงว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1 ) ต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2 ) มีค่าเท่ากับ 91.03/84.00 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

4) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน พบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจค่าเฉลี่ยรวมทั้ง 4 ด้านเท่ากับ 4.44 แสดงว่า ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านจากมากไปน้อยได้ดังนี้ 1) ด้านการวัดประเมินผล (ค่าเฉลี่ย 4.55) ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ (ค่าเฉลี่ย 4.53) ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด 3) ด้านครูผู้สอน (ค่าเฉลี่ย 4.48) ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และ 4) ด้านประโยชน์ของรูปแบบการเรียนรู้ (ค่าเฉลี่ย 4.32) ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก

ข้อเสนอแนะ

1) ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้

1.1) รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองหินโคน มีประสิทธิภาพสงกว่าเกณฑ์ 80/80 ทำให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ทำให้นักเรียนมีความสามารถในการทำโครงงานและความสามารถในการคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าระหว่างเรียน และทำให้นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนในระดับมาก จึงควรนำไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนในปีการศึกษาต่อไป

1.2) ครูผู้สอนต้องให้แรงเสริมหรือกระตุ้นความสนใจ ช่วยเหลือนักเรียนอย่างใกล้ชิด ขณะจัดกิจกรรม จะทำให้นักเรียนเข้าใจบทเรียน สามารถพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความสามารถในการทำโครงงาน และได้รับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ จะทำให้การจัดประสบการณ์การเรียนรู้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2) ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป

2.1) ควรพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการทำโครงงานและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นปฐมวัย ปีที่ 3 ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้อื่น ๆ

2.2) ควรวิจัยรูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานร่วมกับการสอนแบบอื่น เช่น การใช้เกม การเล่นปนเรียน การใช้สื่อต่าง ๆ เป็นต้น

คำสำคัญ: รูปแบบการเรียนรู้, โครงงานเป็นฐาน, ภูมิปัญญาท้องถิ่น,

ความสามารถในการทำโครงงาน, ความคิดสร้างสรรค์

Title of the Research: Development of the Project-Based Learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergartenat Ban Nong Hin Khon School

Researcher: Mrs. Keeratikarn Srikhadkao

Specialist Teacher

Ban Nong Hin Khon School

Office of Nakhon Ratchasima Primary Educational Service Area 3

Office of the Basic Education Commission, Ministry of Education

The research title of The Development of the Project-Based Learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of Third-Year Kindergarten at Ban Nong Hin Khon School is a research and development(R&D) study comprising four phases: (1) Research Phase 1 (R1): Conducting a study of fundamental data. (2) Development Phase 1 (D1): Developing a project-based learning model. (3) Research Phase 2 (R2): Implementing the developed model in a trial setting. and (4) Development Phase 2 (D2): Evaluating the effectiveness of the learning model. The sample group consisted of 20 third-year kindergarten students from Ban Nong Hin Khon School, under the Office of Nakhon Ratchasima Primary Educational Service Area 6, during the first semester of the 2023 academic year. The sample was selected using cluster random sampling and was grouped with mixed abilities. The research employed a one-group pretest-posttest design to assess the impact of the intervention. The objectives of the study are as follows: 1) To develop and determine the effectiveness of a project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School, based on the standard criterion of 80/80. 2) To examine students’ scientific process skills before and after participating in the project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School. 3) To study students’ project implementation ability and creative thinking ability during and after the implementation of the project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School. and 4) To investigate the students’ satisfaction with the learning experience using the project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School. The statistics used for data analysis included mean, percentage, standard deviation, the dependent sample t-test, and content analysis. The research instruments consisted of: 1) A learning experience plan based on a project-based learning model The research instruments consisted of. 2) A pretest and posttest to measure learning achievement. 3) A pretest and posttest to assess scientific process skills. 4) An assessment form to evaluate students’ project implementation ability and creative thinking ability during and after instruction. and 5) A student satisfaction questionnaire regarding the learning experience using the project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School.

Research Findings:

1) Effectiveness of the Project-Based Learning Model. The development and validation of a project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School was found to meet the expected criterion of 80/80. The model comprised six key components: (1) Principles and theoretical foundations (2) Learning objectives (3) Learning content (4) Learning management process (5) Learning resources and (6) Assessment and evaluation. The model adhered to the principles of project-based learning, emphasizing project implementation skills, the preservation of local wisdom, and the promotion of creativity based on students’ potential. Theoretical frameworks included Constructivist theory, Bloom’s taxonomy, basic scientific process skills, Harrow’s psychomotor domain, Maslow’s hierarchy of needs, and Thorndike’s theory of connectionism. The learning content focused on the theme “Beloved Trees,” utilizing the PPLCCP Model which consisted of 6 steps: Step 1 Problem Identification: P, Step 2 Project Design: P, Step 3 Local Wisdom Learning: L, Step 4 Creative Work: C, Step 5 Conclusion and Presentation: C and Step 6 Performance Evaluation: P. The model’s effectiveness (E1/E2) was found to be 95.38/91.38, exceeding the expected standard of 80/80.

2) Scientific Process Skills Before and After the Intervention. The study assessed students’ scientific process skills, including: (1) Observation (2) Classification (3) Measurement (4) Communication (5) Data interpretation and (6) Spatial relationship. Using a researcher-developed pretest and posttest, the results revealed that the students’ average pretest score was 36.66 %, while the posttest score was 89.08 %. This indicates that students’ scientific process skills after instruction were significantly higher than before.

3) Project Implementation and Creative Thinking Abilities During and After Learning. The sample group practiced project work through six phases: (1) Problem Identification (2) Data Collection Related to the Project (3) Project Design (4) Testing and Project Improvement (5) Presentation and (6) Project Evaluation. And Creative thinking was fostered through four attributes: 1) Originality 2) Fluency 3) Flexibility and 4) Elaboration. For Data Collection Related to the Project was conducted using an evaluation form on students’ project implementation ability and creative thinking ability, developed by the researcher. The findings indicated that the students’ average performance score during instruction was 91.03 % and the post-instruction performance was 84.00 %. This indicates that the students’ post-instruction abilities were significantly higher than their abilities during instruction.

4) Student Satisfaction. The students showed a high level of satisfaction with the project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School. The mean score was 4.40 , indicating high satisfaction. The ranking of average satisfaction scores from highest to lowest was as follows: 1) assessment and evaluation. 2) learning activities, 3) the teacher, and 4) benefits of the learning model

Recommendations

1. Recommendations for Implementation.

1.1) The project-based learning model on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students at Ban Nong Hin Khon School proved effective, achieving the 80/80 criterion. The model contributed to significant improvements in students’ scientific process skills, project implementation abilities, and creative thinking after instruction compared to before. Furthermore, students expressed a high level of satisfaction with the learning experience. Therefore, it is recommended that this model be applied in future academic years to improve instructional quality.

1.2) Teachers should provide reinforcement and closely support students during activities to maintain their interest and ensure effective engagement. This approach will enhance students’ understanding of lessons, promote the development of scientific process skills and project implementation abilities, and foster creative thinking, thereby achieving the intended learning objectives more effectively.

2. Recommendations for Future Research.

2.1) Future research should focus on developing project-based learning models on local wisdom to enhance project implementation ability and creative thinking of third-year kindergarten students across different learning units.

2.2) It is also recommended to study the integration of project-based learning with other instructional methods such as educational games, learning through play, and various multimedia tools.

Keywords: Learning Model, Project-Based Learning, Local Wisdom,

Project implementation ability, Creativit

โพสต์โดย ทิพย์ : [2 ต.ค. 2568 (09:50 น.)]
อ่าน [57141] ไอพี : 210.86.160.74
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 6,603 ครั้ง
พืชเศรษฐกิจ
พืชเศรษฐกิจ

เปิดอ่าน 17,629 ครั้ง
กรมแพทย์แผนไทยเผย 6โรคห้ามนวด
กรมแพทย์แผนไทยเผย 6โรคห้ามนวด

เปิดอ่าน 12,362 ครั้ง
10 ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก
10 ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก

เปิดอ่าน 448,195 ครั้ง
บางคนเกษียณแล้วร้องไห้หนักมาก เพราะไม่รู้สิบข้อนี้
บางคนเกษียณแล้วร้องไห้หนักมาก เพราะไม่รู้สิบข้อนี้

เปิดอ่าน 21,282 ครั้ง
15 เรื่องกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
15 เรื่องกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 10,730 ครั้ง
แบบเรียนที่ไม่ได้มีไว้เลียนแบบ : นิ้วกลม
แบบเรียนที่ไม่ได้มีไว้เลียนแบบ : นิ้วกลม

เปิดอ่าน 10,758 ครั้ง
โครงสร้างอะตอม
โครงสร้างอะตอม

เปิดอ่าน 12,687 ครั้ง
Toshiba Libretto W100  มินิโน้ตบุ๊ก2จอสัมผัส
Toshiba Libretto W100 มินิโน้ตบุ๊ก2จอสัมผัส

เปิดอ่าน 14,591 ครั้ง
ศัพท์จากข่าวประท้วง
ศัพท์จากข่าวประท้วง

เปิดอ่าน 13,664 ครั้ง
เลขท้ายทะเบียนบ้านใด "มีเสนห์ - มีคนช่วยเหลือ"
เลขท้ายทะเบียนบ้านใด "มีเสนห์ - มีคนช่วยเหลือ"

เปิดอ่าน 14,021 ครั้ง
นมปั่นสูตรเพิ่มพลังงาน
นมปั่นสูตรเพิ่มพลังงาน

เปิดอ่าน 39,785 ครั้ง
หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์การคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรสำหรับหน่วยงานภาครัฐ

เปิดอ่าน 23,869 ครั้ง
ทำไมจึงเรียกขนมจีน
ทำไมจึงเรียกขนมจีน

เปิดอ่าน 12,541 ครั้ง
ฟังหรือยัง เพลง "จากนี้ไปจนนิพพาน"
ฟังหรือยัง เพลง "จากนี้ไปจนนิพพาน"

เปิดอ่าน 11,906 ครั้ง
ดูแลสมอง ให้แจ๋วเสมอ
ดูแลสมอง ให้แจ๋วเสมอ

เปิดอ่าน 10,605 ครั้ง
"มิเชล โอบามา" สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา มีวันนี้ได้เพราะความเสียสละของแม่
"มิเชล โอบามา" สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา มีวันนี้ได้เพราะความเสียสละของแม่
เปิดอ่าน 15,599 ครั้ง
12 วิธีอยู่อย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
12 วิธีอยู่อย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
เปิดอ่าน 10,742 ครั้ง
ห้องสมุดในมัสยิด อีกย่างก้าวของความรู้
ห้องสมุดในมัสยิด อีกย่างก้าวของความรู้
เปิดอ่าน 28,843 ครั้ง
Minions Banana Song ที่กำลังฮิตกันทั่วโลก
Minions Banana Song ที่กำลังฮิตกันทั่วโลก
เปิดอ่าน 12,964 ครั้ง
อยากอยู่ร้อยปี ต้องสร้าง 10 นิสัยสุขภาพดี
อยากอยู่ร้อยปี ต้องสร้าง 10 นิสัยสุขภาพดี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ