ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบาย

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์

โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบาย

นางสาวเนตรทราย ประเสริฐผล

โรงเรียนผดุงปัญญา จังหวัดตาก

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความและสังเคราะห์หลักฐานเชิงทฤษฎีและเชิงประจักษ์ที่สนับสนุนว่า การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learning: IBL) ผนวกเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบาย (Predict–Observe–Explain: POE) ช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนเคมีระดับมัธยมศึกษา แรงผลักดันสำคัญมาจากผลการประเมินระดับชาติและนานาชาติที่สะท้อนปัญหาความเข้าใจเชิงมโนทัศน์และการเชื่อมโยงความรู้ระหว่างระดับมหภาค–จุลภาค–สัญลักษณ์ (สทศ., 2565; สสวท., 2566; OECD, 2012) บทความสังเคราะห์กรอบแนวคิดคอนสตรักติวิสม์และโมเดล 5E เชื่อมโยงกับกรอบ CER (Claim–Evidence–Reasoning) เพื่ออธิบายกลไกการเรียนรู้ที่ผลักดันให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ใหม่บนฐานหลักฐานเชิงประจักษ์ พร้อมทบทวนงานวิจัยเชิงประจักษ์ที่ยืนยันประสิทธิผลของ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ผนวกเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบายในหัวข้อเคมีและฟิสิกส์หลายบริบท (กฤตกร สภาสันติกุล, 2559; ภูสิทธิ์ จันทนา และสุระ วุฒิพรหม, 2558; ชุลีพร จันทร์ไตรรัตน์, 2557; พงศ์รัตน์ ธรรมชาติ, 2564; Tri Wahyn Setiyani, 2019) ข้อเสนอเชิงปฏิบัติประกอบด้วยการออกแบบภารกิจการคาดคะเนที่ท้าทาย การเก็บหลักฐานเชิงระบบ การอภิปรายเชิงเหตุผล และการประเมินสมรรถนะการอธิบายด้วยรูบริก CER ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การเรียนรู้เชิงลึก การคิดอย่างเป็นระบบ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นในรายวิชาเคมี

คำสำคัญ: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน; การสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์; การสืบเสาะหาความรู้; เทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบาย

1. บทนำ

เป้าหมายหลักของการศึกษาวิทยาศาสตร์ยุคศตวรรษที่ 21 คือการพัฒนาสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนใช้ความรู้ กระบวนการ และหลักฐานเชิงประจักษ์ในการอธิบาย ตัดสินใจ และแก้ปัญหาในชีวิตจริง (OECD, 2009; NRC, 2012) อย่างไรก็ดี หลักฐานเชิงประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนไทยสะท้อนปัญหาความเข้าใจเชิงมโนทัศน์ โดยเฉพาะในสาขาเคมีซึ่งต้องเชื่อมโยงความคิดทั้งสามระดับ ได้แก่ มหภาค จุลภาค และสัญลักษณ์ ผู้เรียนจำนวนมากยังไม่สามารถสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ (สทศ., 2565; สสวท., 2566; OECD, 2012) แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับข้อค้นพบเชิงคุณภาพที่ระบุว่า ชั้นเรียนวิทยาศาสตร์ของไทยยังคงพึ่งพาการถ่ายทอดเนื้อหาและการสรุปโดยครู มากกว่าการให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (จงกล บุญรอด และอลิศรา ชูชาติ, 2559)

เพื่อตอบโจทย์เชิงระบบดังกล่าว บทความนี้เสนอการบูรณาการรูปแบบการสืบเสาะหาความรู้ (IBL) กับเทคนิคทำนาย–สังเกต–อธิบาย (POE) ซึ่งตั้งอยู่บนฐานคิดคอนสตรักติวิสม์และการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยเน้นให้ผู้เรียนทำนายผลลัพธ์ สังเกตปรากฏการณ์จริง และอธิบายด้วยกรอบเหตุผล–หลักฐาน (CER) อันเป็นแกนกลางของการรู้ทางวิทยาศาสตร์ (McNeill & Krajcik, 2006; Sampson & Clark, 2009)

2. กรอบแนวคิดทางทฤษฎีและทบทวนวรรณกรรม

คอนสตรักติวิสม์มองว่าการเรียนรู้เกิดจากการสร้างและปรับโครงสร้างมโนมติด้วยการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับข้อมูลใหม่ (Cobb, 1992 อ้างใน ศรีนภา ภาคภูมิ, 2554) รูปแบบ 5E (Engagement–Exploration–Explanation–Elaboration–Evaluation) ทำหน้าที่เป็นกลไกการจัดลำดับกิจกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้เชิงรุกและการประมวลหลักฐานอย่างมีระบบ (พัณนิดา มีลา และร่มเกล้า อาจเดช, 2560) ขณะเดียวกัน เทคนิค POE ช่วยก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการปรับโครงสร้างมโนมติ (Conceptual Change) ผ่านลำดับการคาดคะเน–สังเกต–อธิบาย

กรอบ CER (Claim–Evidence–Reasoning) ของ McNeill และ Krajcik (2006) ทำหน้าที่เป็นทั้งกรอบการสอนและกรอบการประเมิน เพื่อให้ผู้เรียนสร้างคำอธิบายที่น่าเชื่อถือ โดยระบุข้ออ้าง หลักฐานที่เพียงพอ และเหตุผลที่เชื่อมโยงหลักฐานกับทฤษฎี วรรณกรรมวิจัยจำนวนมากยืนยันว่าการใช้กรอบดังกล่าวช่วยยกระดับความเข้าใจแนวคิด การคิดเชิงวิพากษ์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (NRC, 2012; OECD, 2012)

3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ผนวกเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบายในรายวิชาเคมี

การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ผนวกเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบายสำหรับหัวข้อเคมีเน้นการเชื่อมโยงสามระดับของความเข้าใจ (มหภาค–จุลภาค–สัญลักษณ์) โดยมีกิจกรรมหลักดังนี้:

1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement + Predict): ใช้สถานการณ์สมจริง/คลิปทดลองสั้น กระตุ้นให้ผู้เรียนตั้งสมมติฐานและทำนายผลลัพธ์บนฐานความรู้เดิม

2) ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration + Observe): ผู้เรียนออกแบบการทดลอง เก็บข้อมูล สังเกตเชิงระบบ ใช้บันทึกผลและตารางข้อมูลเพื่อลดอคติในการสังเกต

3) ขั้นอธิบายและสรุปผล (Explanation + Explain): ผู้เรียนจัดระเบียบข้อมูล เลือกหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และสร้างคำอธิบายด้วยกรอบ CER พร้อมอภิปรายเปรียบเทียบกับทฤษฎี

4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration): ประยุกต์ใช้คำอธิบายกับสถานการณ์ใหม่ เช่น ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาในบริบทอุตสาหกรรม/สิ่งแวดล้อม

5) ขั้นประเมินผล (Evaluation): ใช้รูบริก CER ตรวจทั้งคุณภาพคำอธิบาย ความถูกต้องของการใช้หลักฐาน และความสอดคล้องของเหตุผล พร้อมประเมินภาระงานรายบุคคลและกลุ่ม (ณัฐธิดา พรหมยอด, 2562)

สำหรับหัวข้อ “อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี” ควรใช้ภารกิจที่เน้นการควบคุมตัวแปร (อุณหภูมิ ความเข้มข้น พื้นที่ผิว ตัวเร่ง) ให้ผู้เรียนทำนายแนวโน้ม สร้างแบบจำลองระดับอนุภาค และอธิบายผลด้วยแนวคิดพลังงานก่อกัมมันต์และความถี่การชน เพื่อเชื่อมโยงทั้งสามระดับอย่างเป็นระบบ

4. หลักฐานเชิงประจักษ์จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

งานวิจัยหลากหลายยืนยันผลเชิงบวกของ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบายต่อผลสัมฤทธิ์และการอธิบายเชิงเหตุผล เช่น กฤตกร สภาสันติกุล (2559) พบว่าการใช้ POE กับนักเรียน ม.4 ช่วยเพิ่มคุณภาพคำอธิบายและความมีเหตุผลอย่างมีนัยสำคัญ; ภูสิทธิ์ จันทนา และสุระ วุฒิพรหม (2558) รายงานความเข้าใจไฟฟ้ากระแสตรงที่ดีขึ้นหลังเรียน; ชุลีพร จันทร์ไตรรัตน์ (2557) และพงศ์รัตน์ ธรรมชาติ (2564) พบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ในหัวข้ออะตอมและพันธะเคมีตามลำดับ; ลำพูน สิงห์ขา (2555) ชี้ถึงการพัฒนามโนมติทางวิทยาศาสตร์; Tri Wahyn Setiyani (2019) รายงานผลเชิงบวกระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับกรอบการประเมินของ OECD (2012) ว่าการสืบเสาะร่วมกับการอธิบายเชิงหลักฐานเป็นแกนของสมรรถนะการรู้วิทยาศาสตร์

5. อภิปรายผลและนัยเชิงปฏิบัติ

ผลการสังเคราะห์เสนอว่า การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบายทำงานผ่านสามกลไกสำคัญ ได้แก่ (ก) การกระตุ้นความขัดแย้งทางปัญญาเพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างมโนมติ (ข) การใช้หลักฐานจริงจากการทดลองเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือของคำอธิบาย และ (ค) การวางกรอบการให้เหตุผลด้วย CER ซึ่งร่วมกันผลักดันการเรียนรู้เชิงลึกและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในเชิงปฏิบัติ ครูควร (1) ออกแบบโจทย์ทำนายที่ชัดเจนและท้าทาย (2) จัดระบบการเก็บข้อมูลที่ลดอคติและเน้นความเที่ยงตรง (3) ใช้คำถามชี้นำเพื่อพาผู้เรียนเชื่อมโยงหลักฐานกับทฤษฎี (4) ประเมินด้วยรูบริก CER ที่มีระดับคุณภาพ และ (5) สร้างชุมชนการเรียนรู้ครูเพื่อแลกเปลี่ยนแบบฝึกและรูบริกที่มีคุณภาพ

6. สรุป

การบูรณาการ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการทำนาย–สังเกต–อธิบายในรายวิชาเคมีเป็นแนวทางที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการยึดกรอบ CER และการจัดลำดับกิจกรรมแบบ 5E ผู้เรียนได้รับโอกาสสร้างองค์ความรู้บนฐานหลักฐานเชิงประจักษ์และฝึกการให้เหตุผลอย่างมีระบบ ข้อค้นพบจากวรรณกรรมยืนยันความสอดคล้องของผลลัพธ์ทั้งด้านความเข้าใจเชิงมโนมติและผลสัมฤทธิ์ ซึ่งสนับสนุนการขยายผลในชั้นเรียนเคมีระดับมัธยมศึกษา

บรรณานุกรม

กฤตกร สภาสันติกุล, ปริณดา ลิมปานนท์ พรหมรัตน์, และพร้อมพงศ์ เพียรพินิจธรรม. (2559). ผลของกลวิธีการสอนเคมีโดยใช้การทำนาย การสังเกต การอธิบาย อย่างมีขั้นตอนที่มีต่อความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และความมีเหตุผลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 11(1), 219–237.

จงกล บุญรอด, และอลิศรา ชูชาติ. (2559). ผลของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบจำลอง MORE ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 10(2), 238–248.

ชวนพิศ คณะพัฒน์, ธีรพงษ์ แสงประดิษฐ์, มนัส บุญประกอบ, และประสงค์ เมธีพินิตกุล. (2559). ผลการใช้รูปแบบการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดการใช้ปัญหานำทางและการวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมและแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมเพื่อส่งเสริมการรู้วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. เอกสารประชุมสัมมนาวิชาการ ราชภัฏนครสวรรค์วิจัย ครั้งที่ 1, 133–143.

ชุลีพร จันทร์ไตรรัตน์. (2557). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบทำนาย–สังเกต–อธิบายที่มีต่อความเข้าใจมโนมติวิชาเคมี (เรื่องอะตอมและตารางธาตุ).

ณัฐธิดา พรหมยอด. (2562). การสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ CER (Claim, Evidence, and Reasoning). นิตยสาร สสวท., 50(219), 11–15.

พงศ์รัตน์ ธรรมชาติ. (2564). ผลของการใช้ POE ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหัวข้อพันธะเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย.

พัณนิดา มีลา, และร่มเกล้า อาจเดช. (2560). การสืบเสาะหาความรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานและการอธิบายทางวิทยาศาสตร์: การส่งเสริมการสร้างความหมายในชั้นเรียน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 19(3), 1–15.

ลำพูน สิงห์ขา. (2555). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบทำนาย–สังเกต–อธิบายต่อมโนมติทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน.

สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน). (2565). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้น พื้นฐาน (O-NET).

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2566). กรอบสมรรถนะ PISA 2025 ด้านวิทยาศาสตร์ (ฉบับภาษาไทย).

McNeill, K. L., & Krajcik, J. S. (2006). Scientific explanations: Characterizing and evaluating the effects of teachers’ instructional practices on student learning. Journal of Research in Science Teaching, 45(1), 53–78.

National Research Council. (2012). A framework for K–12 science education: Practices, crosscutting concepts, and core ideas. National Academies Press.

Organization for Economic Co-operation and Development. (2009). PISA 2009 assessment framework: Key competencies in reading, mathematics and science.

Organization for Economic Co-operation and Development. (2012). PISA 2012 results: What students know and can do (Vol. I).

Sampson, V., & Clark, D. B. (2009). The impact of collaboration on the outcomes of scientific argumentation. Science Education, 93(3), 448–484.

Tri Wahyn Setiyani. (2019). The effectiveness of POE-based inquiry on students’ conceptual understanding in science.

โพสต์โดย เนตรทราย : [5 พ.ย. 2568 (15:11 น.)]
อ่าน [57011] ไอพี : 159.192.104.96
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,833 ครั้ง
ไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
ไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

เปิดอ่าน 23,186 ครั้ง
ปรากฏการณ์ดาวศุกร์โคจรตัดหน้าดวงอาทิตย์
ปรากฏการณ์ดาวศุกร์โคจรตัดหน้าดวงอาทิตย์

เปิดอ่าน 9,112 ครั้ง
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)

เปิดอ่าน 18,168 ครั้ง
งานประจำ 7 ประการของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
งานประจำ 7 ประการของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 13,670 ครั้ง
ปรับลดเวลาเรียนเป็นสิ่งที่ดีมาก...ถ้าปรับหลักสูตรด้วย
ปรับลดเวลาเรียนเป็นสิ่งที่ดีมาก...ถ้าปรับหลักสูตรด้วย

เปิดอ่าน 17,716 ครั้ง
การขับเคลื่อน "6 ยุทธศาสตร์" ด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ
การขับเคลื่อน "6 ยุทธศาสตร์" ด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ

เปิดอ่าน 28,979 ครั้ง
ดาวน์โหลดเอกสารมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน ฉบับใหม่ ปี 2556
ดาวน์โหลดเอกสารมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน ฉบับใหม่ ปี 2556

เปิดอ่าน 23,119 ครั้ง
ยุบ สพฐ. จัดตั้งของใหม่ คิดกันดีแล้วเหรอ?? ไม่เหนื่อยต่อการพายเรือในอ่างหรือ?!
ยุบ สพฐ. จัดตั้งของใหม่ คิดกันดีแล้วเหรอ?? ไม่เหนื่อยต่อการพายเรือในอ่างหรือ?!

เปิดอ่าน 12,381 ครั้ง
6 ท่าฟิต&เฟิร์ม ระบบประสาท สมอง
6 ท่าฟิต&เฟิร์ม ระบบประสาท สมอง

เปิดอ่าน 14,763 ครั้ง
เคล็ดลับน่ารู้วิธีเลิกติดกาแฟ
เคล็ดลับน่ารู้วิธีเลิกติดกาแฟ

เปิดอ่าน 22,364 ครั้ง
มวลอะตอม : เคมี
มวลอะตอม : เคมี

เปิดอ่าน 15,417 ครั้ง
เตือนอย่าทดลองแมงมุมหม้ายดำ รักษานกเขาไม่ขัน
เตือนอย่าทดลองแมงมุมหม้ายดำ รักษานกเขาไม่ขัน

เปิดอ่าน 6,936 ครั้ง
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !

เปิดอ่าน 14,825 ครั้ง
คลิปสุดฮา ฝรั่งเผยโดนคนไทยด่าครั้งแรก
คลิปสุดฮา ฝรั่งเผยโดนคนไทยด่าครั้งแรก

เปิดอ่าน 13,414 ครั้ง
เสริมสุขภาพลูกน้อยให้ได้ผลด้วย ผลไม้
เสริมสุขภาพลูกน้อยให้ได้ผลด้วย ผลไม้

เปิดอ่าน 20,166 ครั้ง
รูปแบบการสอนวิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
รูปแบบการสอนวิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
เปิดอ่าน 14,396 ครั้ง
อยากหน้าเด็ก สดใส! สธ.ชวนนั่ง"สมาธิ" ยาอายุวัฒนะสุขภาพกายและใจ
อยากหน้าเด็ก สดใส! สธ.ชวนนั่ง"สมาธิ" ยาอายุวัฒนะสุขภาพกายและใจ
เปิดอ่าน 29,973 ครั้ง
"พลู" สมุนไพรไทย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
"พลู" สมุนไพรไทย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
เปิดอ่าน 25,256 ครั้ง
ระวัง 5 สารพิษใกล้ตัว
ระวัง 5 สารพิษใกล้ตัว
เปิดอ่าน 8,351 ครั้ง
กว่าจะมาเป็น "ไอโฟน" จุดกำเนิดและความบังเอิญ
กว่าจะมาเป็น "ไอโฟน" จุดกำเนิดและความบังเอิญ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ