การพัฒนาทักษะในด้านการอ่าน การเขียนโน้ตสากล ที่ผลส่งต่อการปฏิบัติเครื่องเมโลเดี้ยน
สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนห้วยยอด(กลึงวิทยาคาร)
นางสาววรารัตน์ พิกุล
ตำแหน่ง ครู
โรงเรียนห้วยยอด(กลึงวิทยาคาร) อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะในด้านการอ่าน การเขียนโน้ตสากล ซึ่งเป็นผลส่งถึง การปฏิบัติเครื่องดนตรีเมโลเดี้ยน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งได้ทำการศึกษากับนักเรียนจำนวน 42 คน ที่มีปัญหาในด้านทักษะการอ่านโน้ต
ผลการวิจัย พบว่า ก่อนเรียนนักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากลที่กำหนดให้ได้อยู่ในเกณฑ์ 50 - 55.00 จากเกณฑ์ร้อยละ 80 ผู้วิจัยได้ทำการแก้ไขปัญหาโดยใช้แนวการสอนและเทคนิคต่างๆ ในการที่จะให้ นักเรียนมีความเข้าใจในทักษะในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรี และได้ให้เพื่อนๆ ในห้องได้มีส่วนร่วมในการแนะนำหลักและวิธีการจำตำแหน่งของเสียงต่างๆบนบรรทัด 5 เส้น หลังจากนั้นครูได้ใช้ชุดแบบทดสอบชุดเดิมให้นักเรียนได้ฝึกทดลองอ่านโน้ตสากลอีกครั้งหนึ่งผลปรากฏว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในด้านการอ่านและการปฏิบัติเครื่องดนตรีเมโลเดี้ยนคิดเป็นร้อยละ 100.00 , 97.50 แสดงว่านักเรียนมีการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านที่ดีขึ้นจึงส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีเมโลเดี้ยนอยู่ใน เกณฑ์ที่ดี
สารบัญ
หัวข้อวิจัย บทที่ 1 บทนำ
ความสำคัญและที่มา 1
จุดมุ่งหมาย 1
ตัวแปรที่ศึกษา 1
กรอบแนวคิดในการวิจัย 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
ขอบเขตของการวิจัย 2
บทที่ 2 เอกสารงานที่เกี่ยวซ้อง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธคักราช 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระดนตรี 3
วิสัยทัศน์ของหลักสูตร 3
หลักการของหลักสูตร 4
จุดหมายของหลักสูตร 4
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4
มาตรฐานการเรียนรู้ 6
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ 6
มาตรฐานการเรียนรู้สาระดนตรี 7
เอกสารเกี่ยวกับผลสัมฤทธทางการเรียน การวัดผสลัมฤทธทางดนตรี 8
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
กำหนดตารางทำการวิจัย 10
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 13
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
พฤติกรรมการ 14
ผลการเรียน 16
บทที่ 5 สรุปผล
ข้อคิดที่ได้จากการวิจัย 18
บรรณานุกรม 19
บทที่ 1
บทนำ
ความสำคัญและที่มา
ในการพัฒนาทางด้านวิชาดนตรีพื้นฐานที่สำคัญที่ส่งผลในด้านการปฏิบัติเครื่องดนตรี คือการพัฒนา ในด้านทักษะการอ่าน การเขียนโน้ตสากล
ในการสอนที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนในบางส่วน ยังขาดทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล จึงส่งผลมา ให้ต้องมีการปรับปรุง และต้องมีการพัฒนาในทักษะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี และจากการเรียนการสอนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4จากจำนวน 36 คน มีนักเรียนที่มีปัญหาในด้านทักษะการอ่านโน้ตสากลอยู่มาก
ดังนั้น ผู้ที่ทำการวิจัย จึงหาวิธีการที่จะดำเนินการเพื่อที่จะไขแก้ปัญหา และพัฒนาให้นักเรียนได้เกิด ทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในการพัฒนาในครั้งนี้จะใช้วิธีการประเมินนักเรียน ควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนการสอน
จุดมุ่งหมาย
เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะในด้านการอ่าน การเขียนโน้ตสากล ซึ่งเป็นผลล่งถึงการปฏิบัติเครื่องดนตรี ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรด้น 1. วิธีสอนตามปกติ
2.วิธีการประเมินที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ
2.1 การทดสอบทักษะในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากล การปฏิบัติเครื่อง ดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ และข้อเสนอแนะ
ตัวแปรตาม 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
2.ทักษะในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
กรอบแนวคิดในการวิจัย
พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนทักษะในด้านการวbธการสอนตามปกติ และวิธีเขียน และอ่านโน้ตสากลประเมินโดยการเนันผู้เรียนเป็นสำคัญ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ผลการวิจัยนี้ จะเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลด้วย วิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีการฟิกทักษะการเขียนและการอ่านที่มีระดับเลียงที่แตกต่างกันและให้ นักเรียนได้ฟิกอ่านโน้ตสากลทุกๆ 15 นาทีก่อนเรียน เพื่อที่จะให้การเรียนการสอนวิชาดนตรีสัมฤทธผลยิ่งขึ้น
ขอบเขตของการวิจัย
1. กลุ่มที่ศึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวนนักเรียนที่ศึกษา 139 คน ของโรงเรียนปทุม พิทยาคม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ในการทำวิจัยครั้งนี้ เลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4
ที่ศึกษาในชั้นเรียน 36 คน ได้เลือกนักเรียนกลุ่มนี้เนื่องจากนักเรียนมีทักษะพื้นฐานในด้านการอ่านโน้ตสากล ไม่คล่องแคล่ว จึงเป็นปัญหาในด้านการเรียนการปฏิบัติเครื่องดนตรี
2. การสอนดนตรี หมายถึง วิธีสอนที่ผู้วิจัยได้สอนตามปกติ โดยมีเทคนิคการสอนแบบใหม่ๆ โดยการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3. วิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญที่ผู้วิจัยไดใช้ควบคู่กับการเรียนการสอน เพื่อจะได้ข้อมูล จากตัวนักเรียนและนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการสอนเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสูงสุด โดยมี วิธีการที่ใช้ดังต่อไปนี้ คือ โดยการสังเกตการสอนของครูสนทนา ซักถามนักเรียน การสังเกตการการเรียน การ’ฟิกอ่านโน้ตการ’ฟิกการเขียน และฟิกปฏิบัติอย่างสมํ่าเสมอ
4. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออก ในการเรียนดนตรี อย่างมีความสุข
5. ทักษะการเรียนในวิชาดนตรี หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในการเรียนวิชาดนตรี เกี่ยวกับ การเขียน การอ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่อง โดยมีเกณฑ์ผ่านร้อยละ 80 ขึ้นไป โดยการทดสอบเก็บ คะแนนจากการเขียน และการอ่านโน้ตสากล การปฏิบัติเครื่องดนตรี
3
บทที่ 2
เอกสารงานที่เกี่ยวข้อง
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังหัวข้อต่อไปนี้
1.หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระดนตรี
2.เอกสารเกี่ยวกับผลสัมฤทธทางการเรียน การวัดผลสัมฤทธทางดนตรี
3.เอกสารเกี่ยวกับการรับรู้ และจิตวิทยาการสอนดนตรี
4.เอกสารเกี่ยวกับปัญหาการบริหารและการจัดการเรียนการสอนดนตรี
5.เอกสารและความรู้เกี่ยวกับ คาราโอเกะ
6.เอกสารและความรู้เกี่ยวกับความคงทนในการเรียนรู้
7.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระดนตรี
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรที่พัฒนาจากหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 ที่จะมีความเหมาะสมชัดเจนในการนำหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษาทั้ง การกำหนดเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและกระบวนการ นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาโดยได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์จุดมุ่งหมาย สมรรถนะสำคัญของ ผู้เรียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ซัดเจนเพื่อให้เป็นทิศทางในการจัดทำ หลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละ ระดับนอกจากนั้นได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียนขั้นตํ่าของแต่ละกลุ่ม สาระการเรียนรู้ ในแต่ละ ขั้นปีไวิในหลักสูตรแกนกลางและเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเดิมเวลาเรียนได้ตาม ความพร้อมและจุดเน้นอีกครั้งได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียนเกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละ ระดับและเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และมีความซัดเจน ต่อการนำไปปฏิบัติกระทรวงศึกษาธิการ,(2551:2)
วิสัยทัศน์ของหลักสูตร
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มี ความสมดุลทั้งด้านร่างกายความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบน พื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
หลักการของหลักสูตร 4
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการที่สำคัญ ดังนี้
1.เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติมีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้
เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็น ไทยควบคู่กับความเป็นสากล
2.เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชนที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคและมี คุณภาพ
3.เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
4.เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้เวลาและการจัด การเรียนรู้
5.เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
6.เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์
จุดหมายของหลักสูตร
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพจึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้น พื้นฐาน คังนี้
1.มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2.มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสารการคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต
3.มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีมีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย
4.มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5.มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมมีจิต สาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคมและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดังนี้
1.ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคมรวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม
2.ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
3.ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแกไข ปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรมคุณลักษณะอันพึงประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพิงประสงค์ เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้
1.รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2.ชื่อสัตย์สุจริต
3.มีวินัย
4.ใฝ่เรียนรู้
5.อยู่อย่างพอเพียง
6.มุ่งมั่นในการทำงาน
7.รักความเป็นไทย
8.มีจิตสาธารณะ
นอกจากนี้สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเดิมให้สอดคล้องตามบริบทและ จุดเน้นของตนเอง
มาตรฐานการเรียนรู้
การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกำหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้
1.ภาษาไทย
2.คณิตศาสตร์
3.วิทยาศาสตร์
4.สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
5.สุขศึกษาและพลศึกษา
6.ศิลปะ
7.การงานอาชีพและเทคโนโลยี
8.ภาษาต่างประเทศ
ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยม ที่พิง ประสงค์เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานนอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน พัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และ ประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการ ประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสะท้อนภาพ การจัดการศึกษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามที่มาตรฐานการเรียนรู้กำหนดเพียงใด กระทรวงศึกษาธิการ, (2551 : 4 - 8)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความศิดริเริ่มสร้างสรรค์ มี จินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรม ทางศิลปะช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนำไปสู่การพัฒนา สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นพื้นฐาน ในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพได้ กระทรวงศึกษาธิการ, (2551 : 182)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างอิสระในศิลปะแขนงต่างๆ ประกอบด้วยสาระสำคัญ คือ กระทรวงศึกษาธิการ, (2551 : 182 - 183)
1.ทัศนศิลป็มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบศิลป็ ทัศนธาตุ สร้างและนำเสนอผลงานทางทัศนศิลป จากจินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใช้เทคนิค วิธีการของศิลปินในการสร้าง งานได้อย่างมีประสิทธิภาพวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป็ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง
ทัศนศิลป็ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากลชื่นชม ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันกระทรวงศึกษาธิการ, (2551 : 190 - 195)
2.ดนตรี มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระชื่นชมและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าดนตรีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล ร้องเพลง และเล่นดนตรีในรูปแบบต่างๆ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเลียงดนตรีแสดงความรู้สึกที่มีต่อดนตรีในเชิงสุนทรียะ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับประเพณี วัฒนธรรมและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ, (2551 : 196- 199)
3.นาฏศิลป็ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป็ แสดงออกทางนาฏศิลป็อย่างสร้างสรรค์ ใช้ศัพท์ เบื้องด้นทางนาฏศิลป็วิเคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่านาฏศิลป็ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ประยุกต์ใช้นาฏศิลป็ในชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง นาฏศิลป็กับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคุณค่าของนาฏศิลป็ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากลกระทรวงศึกษาธิการ, (2551 : 200 - 203)
มาตรฐานการเรียนรู้สาระดนตรี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ไว้ทั้งหมด 6 มาตรฐาน ประกอบด้วยสาระ ทัศนศิลป็ 2 มาตรฐานสาระดนตรี 2 มาตรฐานและสาระนาฏศิลป็ 2 มาตรฐานในสาระดนตรี กำหนด มาตรฐานไว้ 2 ข้อดังนี้
มาตรฐาน ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
มาตรฐาน ศ 2.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ ดนตรีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล
ตัวชี้วัดในมาตรฐานการเรียนรู้สาระดนตรีระดับชั้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
มาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละข้อมีการกำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางของไว้เพื่อให้ จัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาทุกสถานศึกษาทั่วประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันและในมาตรฐานการ เรียนรู้สาระดนตรีระดับชั้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้มีการกำหนดตัวชี้วัดไว้ดังนี้ มาตรฐานที่ ศ 2.1
1.ตัวชี้วัดที่ ศ 2.1 ม.1/4อ่าน เขียน ร้องโน้ตไทย และโน้ตสากล
2.ตัวชี้วัดที่ ศ 2.1 ม.1/4 จำแนกคุณสมบัติของเลียง สูง-ตํ่า ดัง-เบา, ยาว-สั้น ของดนตรี
3.ตัวชี้วัดที่ ศ 2.1 ม.1/4 เคาะจังหวะหรือเคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับเนื้อหาของเพลง
4.ตัวชี้วัดที่ ศ 2.1 ม.1/4 ร้องเพลงง่ายๆ ที่เหมาะสมกับวัย
5ตัวชี้วัดที่ ศ 2.1 ม.1/4 เปรียบเทียบเลียงร้องและเสียงของเครื่องดนตรี
มาตรฐานที่ ศ 2.2
1.ตัวชี้วัดที่ ศ2.2 ม.1/4 อธิบายบทบาทความสัมพันธ์และ อิทธิพลของดนตรีที่มีต่อสังคมไทย
2.ตัวชี้วัดที่ ศ2.2 ม.1/4 ระบุความหลากหลายขององค์ประกอบ ดนตรีในวัฒนธรรมต่างกัน
เอกสารเกี่ยวกับผลสัมฤทธึ๋ทางการเรียน การวัดผลสัมฤทธึ๋ทางดนตรี
พวงแก้วโคจรานนท์(2530 : 25)ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธทางการเรียนหมายถึง ความรู้ความเข้าใจ ความสามารถ และทักษะทางด้านวิชาการ รวมทั้งสมรรถภาพทางสมองด้านต่าง ๆ ของเด็ก ซึ่งแสดงให้เห็น ด้วยคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทางการเรียน หรือการรายงาน ทั้งเขียนและ พูดการทำงานที่ ได้รับมอบหมาย ตลอดจนการทำการบ้านในแต่ละรายวิชา
พวงรัตน์ ทวีรัตน์ (2530 ะ19) ได้กล่าวถึงการวัดผลสัมฤทธทางการเรียนว่า เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และสมรรถภาพสมองด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนว่าหลังจากการเรียนรู้เรื่องนั้นนั้นไปแล้วผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถในวิชาที่เรียนมากน้อยเพียงใด มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมตามความมุ่งหมายของ หลักสูตรในวิชานั้นนั้นเพียงใด
อารมณ์ เพชรชื่น (2527 : 46 - 47) ได้ให้ความหมายของผลสัมฤทธทางการเรียนไว้ว่า หมายถึง ผลที่ เกิดขึ้นจากการเรียนการสอน การ’ฟิกฝนหรือประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งที่โรงเรียน ที่บ้าน และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ แต่คนส่วนมากเข้าใจว่าผลสัมฤทธเกิดจากการเรียนการสอนภายในโรงเรียน และ มองในแง่ความรู้ ความสามารถทางสมองเท่านั้น ความจริงแล้ว ความรู้สึก ค่านิยม จริยธรรมต่างๆ ก็เป็นผลจากการฟิกสอน ซึ่งก็นับเป็นผลสัมฤทธทางการเรียนด้วย
จุดมุ่งหมายของการวัดผลสัมฤทธ ซึ่งพวงรัตน์ ทวีรัตน์ (2530 : 29 - 30) กล่าวว่า เป็นการตรวจสอบ ความสามารถของสมรรถภาพทางสมองของบุคคลว่าเรียนแล้วรู้อะไรบ้างและมีความสามารถด้านใดมากน้อย เท่าใด เช่น พฤติกรรมด้านความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมิน ค่าอยู่ในระดับใด นั่นคือวัดผลสัมฤทธเป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เรียนในด้านพุทธพิสัย ซึ่งเป็นการวัด 2 องค์ประกอบ ตามจุดมุ่งหมาย และลักษณะวิชาที่เรียนคือ
1.วัดด้านการปฏิบัติ เป็นการตรวจสอบความรู้ความสามารถทางการปฏิบัติ โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือ ปฏิบัติจริงให้เห็นเป็นผลงานปรากฏออกมาทำการสังเกตและวัดได้ เช่น วิชาศิลปศึกษา พลศึกษา การช่าง เป็นด้น การวัดแบบนี้ จึงต้องวัดโดยใช้ "ข้อสอบภาคปฏิบัติ" (performance test) ซึ่งการประเมินผลจะ พิจารณาที่วิธีปฏิบัติและผลงานที่ปฏิบัติ
2.วัดด้านเนื้อหา เป็นการตรวจสอบความรู้ ความสามารถเกี่ยวกับเนื้อหาวิชารวมถึงพฤติกรรม ความสามารถในด้านต่าง ๆ อันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน มีวิธีการวัดได้ 2 ลักษณะคือ
2.1 การสอบแบบปากเปล่า (oral test) การสอบแบบนี้มากกระทำเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็น การสอบที่ต้องการดูผลเฉพาะอย่าง เช่น การสอบอ่านฟ้งเลียง การสอบสัมภาษณ์ ซึ่งต้องการดูการถ้อยคำคำ ในการสอบคำถาม รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นและบุคลิกภาพต่าง ๆ เช่น การสอบปริญญานิพนธ์ ซึ่ง ต้องการวัดตลอดจนแง่มุมต่าง ๆ การสอบปากเปล่าสามารถวัดได้ละเอียดลึกซึ้ง และคำถามก็สามารถ เปลี่ยนแปลงเพิ่มเดิมได้ตามความต้องการ
2.2 การสอบแบบให้เขียนตอบ ( pepper - pencil test or written test) เป็นการสอบวัด ที่ให้ผู้สอบเขียนเป็นตัวหนังสือตอบ
การวัดผลสัมฤทธด้านเนื้อหาโดยการเขียนตอบนั้น เป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายในโรงเรียน ซึ่งเครื่องมือที่ใซ้ในการสอบวัด เรียก "ข้อสอบผลสัมฤทธ" หรือ "แบบทดสอบผลสัมฤทธ" (achievement test)
การวัดผลสัมฤทธทางดนตรี ดนตรีเป็นวิชาศิลปะแขนงหนึ่ง การวัดและประเมินผลการเรียนวิชา ดนตรี จึงมีลักษณะแตกต่างจากการวัดและประเมินผลในวิชาอื่น ๆ กล่าวคือ การวัดการประเมินผลควร เป็นไปในลักษณะติดตามระดับพัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียน เพื่อปรับการจัดการเรียนการสอน (รังลี เกษมสุข. 2536 : 100) ดังนี้
1.สังเกต (แบบสังเกต) การร่วมกิจกรรมดนตรีเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ว่า ผู้เรียนผ่านเกณฑ์จะประสงค์หรือไม่
2.ทดสอบการปฏิบัติทางดนตรีเป็นรายบุคคล โดยประเมินทักษะ การพิง การร้อง ผลจากการปฏิบัติ การใช้เครื่องดนตรี การเคลื่อนไหวร่างกาย การสร้างสรรค์ผลงาน การเขียนและอ่านโน้ตเพลง ความสนใจและ ความตั้งใจ
1. ทดสอบการปฏิบัติเป็น กลุ่ม ๆ โดยประเมินทักษะต่าง ๆ
2. การสัมภาษณ์ความรู้ ความเข้าใจ และความรู้สึกทางอารมณ์ในการเล่นดนตรี และทัศนคติทาง ดนตรี
3. การใช้แบบทดสอบ อาจใช้ทั้งอัตนัยและปรนัย ข้อทดสอบจากแบบทดสอบนี้ ประเมินได้เฉพาะ ความรู้ ความเข้าใจ และความรู้สึก แต่ไม่สามารถวัด ทักษะต่าง ๆ ได้
โรเบิรต์ และ เวอร์ไนส์ ทอร์สเดล (Robert Evans Nye and Vernice Trousdale Nye. 1970 : 614 - 615) กล่าวว่าการวัดผลทางดนตรี วัดเป็น 3 ระดับ คือ วัดเฉพาะจุดที่ต้องการวัด วัดตามแผนการสอนรายคาบ และวัดปลายภาคเรียนและควรจะวัดให้ครอบคลุมทุกด้าน คือ วัดด้านพุทธ พิสัย จิตพิสัย ทักษะพิสัย ดังนี้
1. วัดความเข้าใจ 4. วัดทักษะด้านต่าง ๆ
2. วัดความคิดรวบยอด (ความคิดด้านต่าง ๆ) 5. วัดทัศนคติ (ความตั้งใจ ความสนใจ ฯลฯ)
3. วัดความสามารถในการแสดงหลักการสรุป 6. วัดความซาบซึ้งหรือดนตรีวิจักษ์
บทที่ 3
วิธีดำเนินการวิจัย
การกำหนดระยะเวลาทำการวิจัย ระยะเวลาที่ทำการวิจัยทั้งหมด 12 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 12 ครั้ง โดยผู้วิจัยกำหนดให้นักเรียนเขียนโน้ตสากล และอ่านโน้ตสากลตามแบ’ฟิกหัดที่ กำหนดให้ ในแต่ละครั้ง ครูก็จะบันทึกหลังการปฏิบัติของนักเรียนลงในตารางบันทึกเพื่อความก้าวหน้าของ ตัวนักเรียน
กำหนดตารางทำการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามแผนการสอนตามปกติ โดยครอบคลุมเนื้อหาในการ เขียนโน้ตสากล และอ่านโน้ตสากล รวมถึงการปฏิบัติเครื่องดนตรี ทุกชั่วโมงก่อนเรียนปฏิบัติเครื่องดนตรีใน ภาคเรียนที่ 1 โดยดำเนินการสอนดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แผนการสอนการเขียนโน้ตสากล และอ่านโน้ตสากล รวมถึงการปฏิบัติเครื่องดนตรี
สัปดาห์ที่ เนื้อหา กิจกรรม เครื่องมือ
สัปดาห์ที่ 1 ครั้งที่ 1 -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม โน้ตตัว - สอนตามปกติ -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล
ขาว และโน้ตตัวดำ บนบรรทัด -เขียนโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
5 เส้นบนตำแหน่งของเสียงโด -อ่านโน้ตสากล -เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี
สัปดาห์ที่ 2 ครั้งที่ 2 -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม โน้ตตัว - สอนตามปกติ -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล
ขาว และโน้ตตัวดำ บนบรรทัด -เขียนโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
5 เส้นบนตำแหน่งของเสียง เร -อ่านโน้ตสากล -เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี
สัปดาห์ที่ 3 ครั้งที่ 3 -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม โน้ตตัว - สอนตามปกติ -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล
ขาว และโน้ตตัวดำ บนบรรทัด -เขียนโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
5 เส้นบนตำแหน่งของเสียง มี -อ่านโน้ตสากล -เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี
สัปดาห์ที่ 4 ครั้งที่ 4 -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม โน้ตตัว - สอนตามปกติ -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล
ขาว และโน้ตตัวดำ บนบรรทัด -เขียนโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
5 เส้นบนตำแหน่งของเสียง ฟา -อ่านโน้ตสากล -เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี
 
ตารางที่ 1 (ต่อ)
สัปดาห์ที่ เนื้อหา กิจกรรม เครื่องมือ
สัปดาห์ที่ 5 ครั้งที่ 5
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง ของเลียง ซอล - สอนตามปกติ
-เขียนโน้ตสากล
-อ่านโน้ตสากล
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
-เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
สัปดาห์ที่ 6 ครั้งที่ 6
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม โน้ต ตัวขาว และ
โน้ตตัวดำ บนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเลียง ลา - สอนตามปกติ
-เขียนโน้ตสากล
-อ่านโน้ตสากล
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
-เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
สัปดาห์ที่ 7 ครั้งที่ 7
’ฟิกเขียนโน้ตตัวกลม โน้ต ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บนบรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง ของเลียงที - สอนตามปกติ
-เขียนโน้ตสากล
-อ่านโน้ตสากล
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
-เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
สัปดาห์ที่ 8 ครั้งที่ 8
’ฟิกเขียนตัวหยุด4จังหวะ - สอนตามปกติ
-เขียนตัวหยุดโน้ตสากล
-อ่านโน้ตสากล
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
-เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
สัปดาห์ที่ 9 ครั้งที่ 9
’ฟิกเขียนตัวหยุด 2 จังหวะ - สอนตามปกติ
-เขียนตัวหยุดโน้ตสากล
-อ่านโน้ตสากล
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
-เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
สัปดาห์ที่ 10 ครั้งที่ 10
’ฟิกเขียนตัวหยุด 1 จังหวะ - สอนตามปกติ
-เขียนตัวหยุดโน้ตสากล
-อ่านโน้ตสากล
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี -แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล -แบบ’ฟิกหัดการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
-เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
J 12
ตารางที 1 (ต่อ)
สัปดาห์ที่ เนื้อหา กิจกรรม เครื่องมือ
สัปดาห์ที่ 11 ครั้งที่ 11
’ฟิกเขียนอ่านโน้ตสากล -สอนตามปกติ - แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล
และฟิกปฏิบัติเครื่องตาม -เขียนโน้ตสากล - แบบ’ฟิกหัดอ่านโน้ตสากล
บทเพลง CAN CAN POLKA -อ่านโน้ตสากล - แบบ’ฟิกหัดสอบปฏิบัติเครื่อง
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี ดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
สัปดาห์ที่ 12 ครั้งที่ 12
’ฟิกเขียนอ่านโน้ตสากล - สอนตามปกติ - แบบ’ฟิกหัดเขียนโน้ตสากล
และฟิกปฏิบัติเครื่องตาม -เขียนโน้ตสากล - แบบ’ฟิกหัดอ่านโน้ตสากล
บทเพลง JINGLE BELLS -อ่านโน้ตสากล - แบบ’ฟิกหัดสอบปฏิบัติเครื่อง
-ปฏิบัติเครื่องดนตรี ดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์
2. ในการสอนทุกสัปดาห์ ผู้วิจัยได้ดำเนินการใช้วิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังนี้ การสังเกตการสอนของครู การสนทนาพูดคุยกับนักเรียน การอ่านโน้ตสากลของนักเรียนในแต่ละแบบ’ฟิกหัด ที่เตรียมให้ และให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ
3. วิธีการสอนทั้งใน 12 สัปดาห์ ผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนดังต่อไปนี้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ครูทบทวนทฤษฏีสัญลักษณ์ต่างๆ ครูให้นักเรียนเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ และให้นักเรียนอ่านแบบฟิกหัด ที่ครูเตรียมให้โดยเลียงลำดับความยากง่าย ขั้นสอน
1. ครูอภิปรายเกี่ยวกับสัญลักษณ์พื้นฐานทางดนตรี เช่น บรรทัด 5 เส้นโน้ตตัวกลม โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำ สัญลักษณ์ตัวหยุดต่างๆ
2. ครูยกตัวอย่างสัญลักษณ์พื้นฐานต่างให้นักเรียนดู
3. ครูอภิปรายเกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆ ตามตารางการสอนที่ได้กำหนดไว้ทั้ง 12 สัปดาห์
4. ให้นักเรียนทำแบบ’ฟิกหัด’ฟิกเขียน ’ฟิกอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ขั้นสรุป
1. ครูและนักเรียนช่วยกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับสัญลักษณ์พื้นฐานทางดนตรีต่างๆ
2. ครูให้นักเรียนทำแบบ’ฟิกหัดโดยการเขียนการอ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติ ขลุ่ยรีคอร์เดอร์
3. ตรวจแบบทดสอบโดยการเขียน การอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีตาม แบบ’ฟิกหัดต่างๆ ที่กำหนดให้
เครื่องมือที่ใซ้ในการวิจัย
1. เครื่องมือที่ใซ้ในการสอนหมายถึง สื่อ วัสดุ อุปกรณ์
2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย
2.1 แบบบันทึกประจำสัปดาห์ของครู หมายถึง การที่ครูสังเกตพฤติกรรมการสอนของครู และพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน จากนั้นมาทำการจดบันทึกสรุปประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยครอบคลุม 4 ประเด็น ดังนี้ การสังเกตการสอนของครู การสนทนาพูดคุยกับนักเรียน การตรวจเช็คการ เขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดในแต่ละครั้งของนักเรียนในตาราง โดยมีการควบคุม การเรียนการสอนทั้งหมด 20 ครั้ง
2.2 แบบตารางดำเนินการสอนของครู 12สัปดาห์ = 1/สัปดาห์
2.3 แบบทดสอบแบบ’ฟิกเขียน อ่านโน้ตสากล
2.4 แบบตารางคะแนนในการเขียน อ่านโน้ตสากลของนักเรียนแต่ละคน
2.5 ได้นำแบบฟิกการอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีมาวิเคราะห์ผลการเรียนรู้
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
พฤต็กรรมการเร้ยน
จากแบบสังเกตซึ่งผู้วิจัยบันทึกในเครื่องมือ การวิเคราะห์ตอนนี้ ผู้วิจัยได้นำแบบตารางการ บันทึกพฤติกรรมของครูที่จดบันทึกไว้มาสังเคราะห์สรุปเป็นจำนวน 12 ครั้ง โดยได้ทำเป็นตารางการบันทึก ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 บันทึกพฤติกรรมของนักเรียน
บันทึก บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
สัปดาห์ที่ ก่อนเรียน หลังเรียน
1 ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาวและโน้ตตัวดำบนบรรทัดร เส้น บนตำแหน่งของเสียง โด นักเรียน เขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
2 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาวและโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง เร นักเรียน เขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
3 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาวและโน้ตตัวดำบนบรรทัดร เส้นบนตำแหน่งของเสียงมีนักเรียนเขียน และอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
4 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ฟา นักเรียน เขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
5 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ซอล นักเรียน เขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว 
6 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเลียง ลา นักเรียน เขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
7 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเลียง ที นักเรียน เขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
8 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
4 จังหวะพร้อมทั้ง’ฟิกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด 4จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยัง อ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
9 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
2 จังหวะพร้อมทั้ง’ฟิกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด
2 จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยัง อ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
10 ครูให้นักเรียนฟิกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
1 จังหวะพร้อมทั้ง’ฟิกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด
1 จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยัง อ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
11 ครูให้นักเรียนฟิกอ่านโน้ตสากล และฟิก ปฏิบัติเครื่องตาม บทเพลงCAN CAN POLKA
12 ครูให้นักเรียนฟิกอ่านโน้ตสากล และฟิก ปฏิบัติเครื่องตาม
บทเพลง JINGLE BELLS เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียน’ฟิกเขียนและอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติ เครื่องดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามแบบฟิกหัดเดิม หลังจากที่ได้ฟิกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถ อ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียนอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรี ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามบทเพลงเดิม หลังจากที่ได้ฟิกอ่าน และปฏิบัติเครื่องดนตรีแล้วนักเรียนสามารถอ่านและ ปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียนอ่านซํ้าพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรี ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามบทเพลงเดิม หลังจากที่ได้ฟิกอ่าน และปฏิบัติเครื่องดนตรีแล้วนักเรียนสามารถอ่านและ ปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
ผลการเรียน
ผู้วิจัยได้นำคะแนนในการเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบ’ฟิกหัดต่างๆ คะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของเด็กชาย ก ดังตารางที่ 3 และคะแนนจากแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนของเด็กชาย ข ดังตารางที่ 4
ตารางที่ 3 บันทึกการให้คะแนนในการเขียน อ่านและการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดของเด็กชาย ก
แบบบันทึกการเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติ เครื่องดนตรีคีย์บอร์ด คะแนน ( 10 )
ก่อนเรียน หลังเรียน
1. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง โด 6 10
2. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง เร 6 10
3. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง มี 6 10
4. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ฟา 6 10
5. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ซอล 5 10
6. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ลา 5 10
7. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ที 6 10
8. สัญลักษณ์ตัวหยุด 4 จังหวะ 6 10
9. สัญลักษณ์ตัวหยุด 2 จังหวะ 5 10
10. สัญลักษณ์ตัวหยุด 1 จังหวะ 4 10
11. แบบ’ฟิกหัดบทเพลง CAN CAN POLKA 5 10
12. แบบ’ฟิกหัดบทเพลง JINGLE BELLS 4 10
รวมค่าเฉลี่ย 53.33 100.00
ตารางที่ 4 ตารางบันทึกการให้คะแนนในการเขียน อ่านและการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดของเด็กชาย ข
แบบบันทึกการเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติ เครื่องดนตรีคีย์บอร์ด คะแนน ( 10 )
ก่อนเรียน หลังเรียน
1. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง โด 5 10
2. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง เร 5 10
3. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง มี 5 10
4. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ฟา 6 10
5. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ซอล 6 10
6. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ลา 7 10
7. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ที 7 10
8. สัญลักษณ์ตัวหยุด 4 จังหวะ 7 10
9. สัญลักษณ์ตัวหยุด 2 จังหวะ 5 8
10. สัญลักษณ์ตัวหยุด 1 จังหวะ 4 10
11. แบบ’ฟิกหัดบทเพลง CAN CAN POLKA 4 10
12. แบบ’ฟิกหัดบทเพลง JINGLE BELLS 5 9
รวมค่าเฉลี่ย 55.00 97.50
คะแนน เกณฑ์
80 - 100 ดีมาก * เกณฑ์คะแนนหลังเรียน
70 - 79 ดี
60 - 69 พอใช้
50 - 59 แก่ไข * เกณฑ์คะแนนก่อนเรียน
40 - 49 ปรับปรุง
ผลการวิเคราะห์คะแนนจากตารางปรากฏว่าก่อนเรียน นักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากลและ การปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดอยู่ในเกณฑ์ 53.33, 55.00 คือต้องมีการแก่ไขและคะแนนหลังเรียน นักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดอยู่ในเกณฑ์ 97.350, 100.00 คือ ดีมาก
บทที่ 5
สรุปผล
จากผลในการวิจัยในเรื่องการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลเพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่อง ดนตรีขลุ่ยรีคอร์เดอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ซึ่งมีจำนวนนักเรียน 2 คน คือ เด็กชาย ก และเด็กชาย ข พบว่า มีปัญหาในด้านทักษะการอ่านสะกดคำ ผู้วิจัยจึงได้ทดสอบโดยใช้แบบทดสอบการเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด ให้นักเรียนได้ฟิกเขียน อ่านโน้ตสากล ในชั้นแรกคือก่อนเรียน นักเรียน สามารถเขียน อ่านโน้ตสากลที่กำหนดให้ได้อยู่ในเกณฑ์ 53.33, 55.00 จากเกณฑ์ร้อยละ 80 ผลคือยังต้องมี การแก่ไข ดังนั้นครูจึงใช้แนวการสอนและเทคนิคต่างๆ ในการที่จะให้นักเรียนมีความเข้าใจในทักษะในด้าน การเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด และได็ให้เพื่อนๆ ในห้องได้มีส่วนร่วมในการ แนะนำหลักและวิธีการจำตำแหน่งของเสียงต่างๆ บนบรรทัด 5 เส้น หลังจากนั้นครูได็ใช้ชุดแบบทดสอบชุด เดิม ให้นักเรียนได้ฟิกทดลองอ่านโน้ตสากลอีกครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่านักเรียนมีผลสัมฤทธในด้านการอ่านและ การปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดโดยคิดเป็นร้อยละ 100.00, 97.50 แสดงว่านักเรียนมีการพัฒนาทักษะในด้าน การอ่านที่ดีขึ้นจึงส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ข้อคิดที่ได้จากการวิจัย
1. จะช่วยให้ผู้วิจัยทราบว่าในการทำวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลเพื่อล่งผล ต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีปัญหาในการวิจัยว่าเป็น อย่างไรบ้าง
2. เพื่อสรุปผลการประเมินแล้วจะได้มีการพัฒนาให้ตรงกับการการอ่านโน้ตสากลเพื่อส่งผลต่อการ ปฏิบัติเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดได้อย่างรวดเร็ว
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธิการ. 2551. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
พวงแก้ว โคจรานนท์. 2530. บุคลิกภาพและผลสัมฤทธึ๋ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 6
ในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองอุดร. วิทยานิพนธ์ศิลปคาสตรมหาบัณฑิต สาขาการประถมศึกษา. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
พวงรัตน์ ทวิรัตน์. (2530). การสร้างและพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธึ๋. กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบ ทางการศึกษาและจิตวิทยา. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
อารมณ์ เพชรชื่น. 2527. เทคนิคการวัดและประเมินผลการศึกษา. ภาควิชาหลักสูตรและการสอนคณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.