ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การประเมินโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ข

ชื่อผลงาน : การประเมินโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกน

กลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของนักเรียนโรงเรียนอนุบาล

ภูเก็ต ปีการศึกษา 2559

ลักษณะผลงาน : การประเมินโครงการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่

ผู้ประเมิน : ว่าที่ร้อยตรี วชิรพันธุ์ บุญณมี

รองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต

ปีพุทธศักราช : 2559

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

การประเมินโครงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต ปีการศึกษา 2559 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบทของโครงการตามตัวชี้วัดระดับความต้องการจำเป็น และระดับความเป็นไปได้ของโครงการ ประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการ ตามตัวชี้วัดร้อยละหรือจำนวนบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโครงการ และร้อยละของงบประมาณ ประเมินกระบวนการของโครงการตามตัวชี้วัดร้อยละของกิจกรรมที่ดำเนินการ และ ร้อยละของการติดตามโครงการ และประเมินผลผลิตของโครงการตามตัวชี้วัดความรู้ความเข้าใจเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มขึ้น และตัวชี้วัดความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องที่มีต่อโครงการ โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครู/กรรมการสถานศึกษา จำนวน 80 คน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 320 คน และผู้ปกครอง จำนวน 302 คน รวม 702 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบไปด้วย แบบสอบถาม จำนวน 4 ฉบับ แบบทดสอบ จำนวน 1 ฉบับ แบบสัมภาษณ์ จำนวน 3 ฉบับ และแบบบันทึกข้อมูล จำนวน 2 ฉบับ รวมทั้งสิ้น จำนวน 10 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติพื้นฐาน ซึ่งได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติอ้างอิงใช้ t-test แบบไม่อิสระ ซึ่งผลการประเมินโครงการสรุปได้ดังนี้

ผลการประเมิน โดยภาพรวม พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายประเด็น พบว่า ตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินทุกประเด็น เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ บริบท และผลผลิต ผลการประเมินรายประเด็นและตัวชี้วัด สรุปได้ดังนี้

1. ผลการประเมินบริบท พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 2 ตัวชี้วัด เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ตัวชี้วัดระดับความต้องการจำเป็นผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนตัวชี้วัดระดับความเป็นไปได้ของโครงการผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก

2. ผลการประเมินปัจจัยนำเข้า พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 2 ตัวชี้วัด เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ร้อยละหรือจำนวนบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโครงการ คิดเป็นร้อยละ 100 และร้อยละของงบประมาณ คิดเป็นร้อยละ 100

3. ผลการประเมินกระบวนการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 2 ตัวชี้วัดเมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ร้อยละของกิจกรรมที่ดำเนินการ คิดเป็นร้อยละ 100 และร้อยละของการติดตามโครงการ คิดเป็นร้อยละ 100

4. ผลการประเมินผลผลิต พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ตัวชี้วัด เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมิน คือ ความรู้ ความเข้าใจเรื่องคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน หลังจากเข้าร่วมโครงการมีคะแนนเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง พบว่า มีความเหมาะสมและผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณารายตัวชี้วัด พบว่า ทุกตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมิน เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ ความพึงพอใจของครู/กรรมการสถานศึกษา ความพึงพอใจของผู้ปกครอง และความพึงพอใจของนักเรียน

ข้อเสนอแนะ

1. การประเมินโครงการโดยภาพรวม ผ่านเกณฑ์การประเมินทุกประเด็นและทุกตัวชี้วัด จึงควรดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้บริหาร ครู และครูผู้รับผิดชอบ ควรนำผลการประเมินครั้งนี้ไปปรับปรุงและพัฒนาการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการให้มีความหลากหลาย น่าสนใจยิ่งขึ้น

2. จากผลการประเมินที่พบว่า ประเด็นด้านบริบท ตัวชี้วัดระดับความต้องการจำเป็น รายการเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน และสังคม ในการแก้ไขปัญหาด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ดังนั้น ควรสร้างเครือข่ายให้ผู้ปกครอง ชุมชน และสังคมเข้ามามีบทบาทในการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนมากยิ่งขึ้น และได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน

3. จากผลการประเมินที่พบว่า ประเด็นด้านผลผลิต ตัวชี้วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มขึ้น ด้านซื่อสัตย์สุจริต และด้านมีวินัย มีค่าความต่างเฉลี่ยเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด ดังนั้น ควรกำหนดกิจกรรมที่พัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านด้านซื่อสัตย์สุจริต และด้านมีวินัยของนักเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดไว้

โพสต์โดย ป้อม : [24 พ.ค. 2560 เวลา 18:49 น.]
อ่าน [3793] ไอพี : 171.5.22.136
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,800 ครั้ง
ถอดบทเรียนปฏิรูปการศึกษาเวียดนาม ทำอย่างไรถึงสำเร็จ
ถอดบทเรียนปฏิรูปการศึกษาเวียดนาม ทำอย่างไรถึงสำเร็จ

เปิดอ่าน 20,117 ครั้ง
การระบายสีจุดของกราฟ
การระบายสีจุดของกราฟ

เปิดอ่าน 13,603 ครั้ง
สูด "ควันบุหรี่มือสอง" แค่ 30 นาทีมีสิทธิเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
สูด "ควันบุหรี่มือสอง" แค่ 30 นาทีมีสิทธิเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

เปิดอ่าน 36,366 ครั้ง
Download คู่มือ เส้นทางครูมืออาชีพสำหรับครูผู้ช่วย
Download คู่มือ เส้นทางครูมืออาชีพสำหรับครูผู้ช่วย

เปิดอ่าน 10,916 ครั้ง
"หมอช้าง" แนะวิธีไหว้เจ้าให้เฮงๆ พร้อมข้อห้ามในวันตรุษจีน
"หมอช้าง" แนะวิธีไหว้เจ้าให้เฮงๆ พร้อมข้อห้ามในวันตรุษจีน

เปิดอ่าน 11,309 ครั้ง
คลิปซาบซึ้งความผูกพัน "ครูควรดู-นร.ควรชม"
คลิปซาบซึ้งความผูกพัน "ครูควรดู-นร.ควรชม"

เปิดอ่าน 21,433 ครั้ง
ใกล้จะสอบแล้ว ทำความคุ้นเคยกับกระดาษคำตอบ O-NET ม.3 กันหรือยัง?
ใกล้จะสอบแล้ว ทำความคุ้นเคยกับกระดาษคำตอบ O-NET ม.3 กันหรือยัง?

เปิดอ่าน 46,453 ครั้ง
ระบบสุริยะจักรวาล
ระบบสุริยะจักรวาล

เปิดอ่าน 30,210 ครั้ง
ดร.ไพฑูรย์ ศรีฟ้า
ดร.ไพฑูรย์ ศรีฟ้า

เปิดอ่าน 12,795 ครั้ง
ตีแผ่ชีวิตเด็กจีนต้องปีนเขาสูง 800ม.เพื่อไปเรียนหนังสือ
ตีแผ่ชีวิตเด็กจีนต้องปีนเขาสูง 800ม.เพื่อไปเรียนหนังสือ

เปิดอ่าน 20,423 ครั้ง
อีกวิธีสำหรับหยุดอาการ "สะอึก"
อีกวิธีสำหรับหยุดอาการ "สะอึก"

เปิดอ่าน 45,186 ครั้ง
ศีล-สมาธิ-ปัญญา...คืออะไร
ศีล-สมาธิ-ปัญญา...คืออะไร

เปิดอ่าน 13,131 ครั้ง
"ถั่ว" ยาต้านมะเร็งตับอ่อน
"ถั่ว" ยาต้านมะเร็งตับอ่อน

เปิดอ่าน 45,842 ครั้ง
เจาะ 40 ปีการศึกษาไทย เป๋ไปเป๋มา...ดิ่งลงเหว!! : ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์
เจาะ 40 ปีการศึกษาไทย เป๋ไปเป๋มา...ดิ่งลงเหว!! : ศ.พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์

เปิดอ่าน 21,550 ครั้ง
ฟอร์บส์จัดอันดับ 50 อันดับมหาเศรษฐีเมืองไทย ใครติดอันดับปีนี้บ้าง
ฟอร์บส์จัดอันดับ 50 อันดับมหาเศรษฐีเมืองไทย ใครติดอันดับปีนี้บ้าง

เปิดอ่าน 175,494 ครั้ง
ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล
ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล
เปิดอ่าน 15,079 ครั้ง
เตือนภัย : ฝนตก ยุงลายชุกชุม ระวังไข้เลือดออกคุกคามเด็กๆ
เตือนภัย : ฝนตก ยุงลายชุกชุม ระวังไข้เลือดออกคุกคามเด็กๆ
เปิดอ่าน 10,003 ครั้ง
สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้
สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้
เปิดอ่าน 16,892 ครั้ง
พระบรมรูปทรงม้า
พระบรมรูปทรงม้า
เปิดอ่าน 16,029 ครั้ง
6 ข้อดีของการพาลูกไปที่ทำงาน
6 ข้อดีของการพาลูกไปที่ทำงาน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ