การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทประยุกต์ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค TAI ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิผล 0.50 ขึ้นไปและประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทประยุกต์ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค TAI ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทประยุกต์ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค TAI ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านป่าเลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทประยุกต์ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค TAI ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทประยุกต์ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค TAI ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งครูผู้วิจัยสร้างขึ้น นำข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าเฉลี่ยร้อยละ รวมทั้งหาค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.)ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และ ค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สูตร E1/E2
ผลการวิจัย มีดังต่อไปนี้
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทประยุกต์ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค TAI ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.83/81.91 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และมีค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าท่ากับ 0.7343 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พบว่า มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละที่เพิ่มขึ้นเท่ากับ 50.00 โดยคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ 31.91 และ 81.91 ตามลำดับ
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก