ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Decision Making Factors to Continuing Education at Vocational Education for vocational certificate of the first year students in Vocational College in SuratThani
Sompron Pethsong*
บทคัดย่อ
สภาพปัจจุบันและแนวโน้มความต้องการกำลังคนสายอาชีพเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายมุ่งเน้นด้านการพัฒนากำลังคนสายอาชีพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยการส่งเสริมให้ผู้เรียนเลือกเรียนสายอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง จากการศึกษาพบว่า สัดส่วนระหว่างผู้เรียนสายอาชีพและสายสามัญในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ที่ร้อยละ 19 : 81 จึงทำให้ผู้วิจัยต้องการศึกษา ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อสายอาชีวศึกษาของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยใน การตัดสินใจเลือกศึกษาต่อ เพื่อเปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และเพื่อศึกษาแนวทางและข้อเสนอแนะในการเลือกศึกษาต่อสายอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาลัยอาชีวศึกษาในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้รูปแบบการวิจัยผสมผสาน เชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลแบบสอบถาม จากกลุ่มตัวอย่างนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 โดยการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 341 คน และเชิงคุณภาพการสัมภาษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูแนะแนว และผู้ปกครอง จำนวน 19 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติพื้นฐาน หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที (t-test) ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับ ด้านความต้องการและบุคลิกภาพของผู้เรียนเป็นลำดับแรก รองลงมา ด้านทัศนคติและเจตคติในการเรียนวิชาชีพ ด้านชื่อเสียงและสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานศึกษา ด้านสภาพแวดล้อมและค่านิยมทั่วไปการเรียนสายอาชีพ ด้านการสนับสนุนจากครอบครัวและผู้เกี่ยวข้อง และด้านอิทธิพลจากกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ ผลการเปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อสายอาชีวศึกษาของนักเรียนที่มี ภูมิลำเนาต่างกัน มีการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อสายอาชีวศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แนวทางและข้อเสนอแนะพบว่า (1) สถานศึกษาอาชีวศึกษา ควรปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้หลากหลาย ทันสมัย ประชาสัมพันธ์การเรียนการสอนและความโดดเด่นหลักสูตรและสถานศึกษา พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะมืออาชีพ การแนะแนวเชิงรุก และสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคส่วนอื่น (2) หน่วยงานภาครัฐ ควรกำหนดนโยบายเพิ่มสัดส่วนของผู้เรียนสายอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได สนับสนุนงบประมาณ ทุนการศึกษาแก่ผู้เรียนในรูปแบบต่างๆ มีหน่วยงานเฉพาะทำฐานข้อมูลความต้องการกำลังคนและตลาดแรงงาน และการประชาสัมพันธ์ (3) สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรปรับหลักสูตรหรือเพิ่มสาระทักษะอาชีพพื้นฐานผู้เรียนมีโอกาสเลือก ทดสอบความถนัด ปรับเปลี่ยนทัศนคติและการแนะแนวสายอาชีพเข้าถึงผู้เรียนทุกคน (4) สถานประกอบการ ควรมีส่วนร่วมจัดการศึกษา สนับสนุนนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี ทุนการศึกษา ค่าแรงฝึกประสบการณ์การอบรม ศึกษาดูงาน และให้ความรู้ตลาดแรงงาน (5) ผู้ปกครอง ควรปรับทัศนคติ ให้ความรู้ความเข้าใจการเรียนเพื่ออาชีพและ (6) หน่วยงานหรือบุคคลระดับจังหวัดและชุมชน มีแผนยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างหน่วยงาน การสร้างภาพลักษณ์สถานศึกษา และส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทด้านการศึกษาสายอาชีพ จากผลการวิจัย หน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัดร่วมกับสถานศึกษา ควรกำหนดนโยบาย แนวทางเป้าหมายการศึกษาเกี่ยวกับสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษา พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนในอนาคต ควรสร้างสารสนเทศด้านความต้องการกำลังคนให้ผู้เรียน ผู้ปกครองเข้าถึงได้ง่าย และควรเสริมสร้างกลไกการมีส่วนร่วมเชิงบูรณาการ ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม
คำสำคัญ : ปัจจัยในการตัดสินใจ
การเลือกเรียนต่อสายอาชีวศึกษา
*ดร.สมพร เพชรสงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ประจำคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และประธานโครงการการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพจังหวัดสุราษฎร์ธานี (โครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี)