ชื่อ-สกุล ผู้วิจัย ปนัดดา วงค์จันตา.
ชื่อเรื่องวิจัย รายงานการพัฒนาแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของนักเรียนที่มี
ความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์
ปีที่วิจัยสำเร็จ 2562
สถานที่วิจัย โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ กรุงเทพฯ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ 2) ศึกษาประสิทธิผลของแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์เป็นการวิจัยและพัฒนามี 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ศึกษาความต้องการจำเป็นในการส่งเสริมความสามารถด้านศิลปะสำหรับนักเรียน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินฯ กลุ่มเป้าหมาย คือ ครู นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ศิลปินมืออาชีพ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นของครู เกี่ยวกับความสามารถพื้นฐานและความต้องการจำเป็นในการพัฒนาด้านศิลปะ แบบบันทึกข้อมูลผลการสัมภาษณ์ แนวคำถามการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานและวิเคราะห์เนื้อหา
ระยะที่ 2 พัฒนาแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินฯ โดยวิจัยปฏิบัติการ 3 วงจร กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินปีการศึกษา 2559 จำนวน 103 คนและ ปีการศึกษา 1/2560 จำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบประเมินความสามารถทางศิลปะ แบบวัดเจตคติของนักเรียนและแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานและสถิติทดสอบ Wilcoxon matched pair signed- rank test โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS และวิเคราะห์เนื้อหา
ระยะที่ 3 การนำแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ไปใช้ ปีการศึกษา 2/2560 โดยการวิจัยทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนหลัง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินฯ จำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบประเมินความสามารถทางศิลปะ แบบวัดเจตคติของนักเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน และแบบบันทึกรางวัลด้านศิลปะที่นักเรียนได้รับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน สถิติทดสอบ Wilcoxon matched pair signed- rank test โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS และวิเคราะห์เนื้อหา
ผลจากการศึกษามีข้อค้นพบ ดังนี้
1. ผลการศึกษาความต้องการจำเป็นในการส่งเสริมความสามารถด้านศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน พบว่า ครูเห็นว่านักเรียนฯ มีระดับความสามารถด้านศิลปะ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการสื่อความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ เทคนิควิธีการ การจัดองค์ประกอบศิลป์หรือการจัดภาพและความประณีตและเรียบร้อย อยู่ในระดับปานกลาง มีความสามารถน้อยที่สุด คือ ด้านเทคนิควิธีการ มีความต้องการจำเป็นต้องพัฒนาอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านการจัดองค์ประกอบศิลป์หรือการจัดภาพ จากการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม พบว่า ศิลปะเป็นวิชาที่สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนรู้ผ่านการเห็นและลงมือปฏิบัติ ควรพัฒนาให้เพิ่มขึ้นโดยนำความรู้ทางด้านศิลปะบูรณาการเข้ากับทุกวิชาและสามารถนำมาพัฒนาเป็นอาชีพและทักษะอารมณ์ สังคมและทางวิชาการอื่นๆได้ ควรมีแนวทางการส่งเสริมความสามารถด้านศิลปะที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของนักเรียนที่มีประสิทธิภาพ
2. ผลการพัฒนาแนวทางการส่งเสริมความสามารถด้านศิลปะสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ พบว่า ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ 1) ขั้นตอนการส่งเสริมฯ 2) ระบบสนับสนุน และ3) บทบาทผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1) ขั้นตอน ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ 1.1) ศึกษาความสามารถพื้นฐานด้านศิลปะและความต้องการของผู้เรียนทั้ง 5 ด้าน 1.2) วางแผนการส่งเสริมความสามารถด้านศิลปะ 1.3) นำปฏิทินปฏิบัติการสู่การปฏิบัติ (1) บูรณาการกิจกรรมศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน (2) การเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ศิลปะ (3) การสะท้อนผลการเรียนรู้ 1.4) กำกับติดตามและประเมินผล 1.5) สรุปและรายงานผลการดำเนินงาน 2) ระบบสนับสนุน ได้แก่ 2.1) บุคลากรมีความรู้ด้านศิลปะเพียงพอ 2.2) สื่อสนับสนุนการรับรู้ผ่านการเห็นที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีการสอนที่ทันสมัย 2.3) สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้ 2.4) การประสานงาน กำกับติดตามที่สม่ำเสมอและเป็นไปตามปฏิทิน 3) บทบาทผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ บทบาทของครู ผู้เรียน ครอบครัว ศิลปินมืออาชีพ
3. ประสิทธิผลของแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ พบว่า นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินฯ มีความสามารถด้านศิลปะทั้ง 5 ด้านก่อนและหลังใช้แนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะของแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ครูเห็นว่านักเรียนมีความสามารถด้านศิลปะในระดับมากที่สุด นักเรียนมีคะแนนเจตคติหลังจากใช้แนวทางการส่งเสริมฯ สูงกว่าก่อนใช้แนวทางการส่งเสริมฯ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และหลังใช้แนวทางการส่งเสริมความสามารถทางศิลปะนักเรียนได้รับรางวัลระดับชาติและนานาชาติเพิ่มขึ้นและมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มสาระ