ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงขึ้น เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า สำหรับนักเรียนชั้น ประถม

1.สภาพปัญหา

1.1 สภาพปัญหา/ปัญหา

วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคน ทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ผสมผสานกับความคิด สร้างสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ และคิดวิเคราะห์ รวมทั้งมีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลก สมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (Knowledge-based Society)ดังนั้น ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์และมีคุณธรรม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551: 1) กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นกระบวนการไปสู่การสร้างองค์ความรู้โดยผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวจะทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ เกิดการพัฒนาเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์และค่านิยมตาม แนววิทยาศาสตร์โดยครูผู้สอนมีบทบาทในการวางแผนการเรียนรู้ กระตุ้น แนะนำ ช่วยเหลือให้นักเรียนเกิดการ เรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพควรหาวิธีการใหม่ๆ มาใช้เพื่อมุ่งให้นักเรียนสนใจใน บทเรียนมากยิ่งขึ้น สื่อการเรียนการสอนจึงเป็นสื่อที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนการสอน (กรมวิชาการ, 2545 : 4) การจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการที่ผู้เรียนเป็นผู้คิดลงมือปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบด้วยกิจกรรม ที่หลากหลาย ทั้งการทำกิจกรรมภาคสนาม การสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลองในห้องปฏิบัติการ การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ การทำโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา จากแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น โดยคำนึงถึงวุฒิภาวะประสบการณ์เดิม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมต่างกัน ที่ผู้เรียนได้รับรู้ มาแล้วก่อนเข้าสู่ห้องเรียน การเรียนรู้ของผู้เรียนจะเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมโดยตรงในการทำกิจกรรม เหล่านั้น จึงจะมีความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้มีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนากระบวนการคิดขั้นสูง (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2545 : 216)

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหา การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าอันเป็นผลจากการเจริญเติบโตและขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการ อุปโภคบริโภคภาคครัวเรือน จากรายงานของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน ชี้ว่าตัวเลขพลังงานไฟฟ้า การใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2565 จำนวน 2.8% และประเทศ ไทยนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศร้อยละ 9 ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ ซึ่งคิดเป็น 3,387 เมกกะวัตต์ ปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า ของไทยนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นและเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที ดังจะเห็นได้จากข่าวการเกิดไฟฟ้าดับในบางช่วงเวลาในภาคใต้ นอกจากนี้ ข้อมูลจากการคาดการณ์ของทบวงพลังงาน โลก (International Energy Agency, 2020) ระบุว่า ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าของประชากรทั่ว โลกในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 40 ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน ซึ่งสวนทาง กับปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้มีนโยบายรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าและหันมาใช้พลังงานทางเลือก ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือก รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ พลังงาน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการนับเป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาท สำคัญในการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ พลังงานไฟฟ้าให้แก่เยาวชน โดยกระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการที่มีเป้าหมาย เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้า โดย ร่วมกันลดใช้พลังงานไฟฟ้า

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญ ของเรื่องพลังงานไฟฟ้าในหลักสูตรแกนการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ พบว่า หลักสูตรได้บรรจุเรื่องพลังงานไว้ในสาระที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ที่ ว 2.3 โดยหลักสูตรคาดหวังว่านักเรียนจะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดำรงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสาร และพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ สิ่งแวดล้อม โดยให้นักเรียนเรียนรู้ผ่านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และนักเรียนสามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน โดยตัวชี้วัด และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กำหนดให้นักเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น (ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 2) เรียนรู้แนวคิดเรื่องพลังงานไฟฟ้า โดยให้เข้าใจว่าไฟฟ้าเป็น พลังงาน พลังงานไฟฟ้าสามารถเปลี่ยนรูปเป็น พลังงานอื่นและพลังงานอื่นสามารถเปลี่ยนกลับ มาเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ การผลิตไฟฟ้าจากแหล่ง พลังงานธรรมชาติ ความสำคัญของพลังงานไฟฟ้า วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย แม้ว่าการอนุรักษ์พลังงงานไฟฟ้าจะเป็น ประเด็นที่มีความสำคัญระดับชาติ แต่ประเทศไทยยังไม่สามารถทำให้นักเรียนมีความรู้และมี จิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าได้ดีเท่าที่ควรนักเรียนระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสิ้น เปลืองและไม่มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า

จากข้อมูลงานข้างต้น ผู้จัดทำจึงได้ศึกษาหลักการ เหตุผลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ จึงได้ดำเนินการการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 7E เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้และมี จิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพื่อให้นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนเกิดความคงทนในการเรียนรู้ และใช้เป็นแนวทางสำหรับครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในการพัฒนาการเรียนรู้ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

1.2 แนวทางการแก้ปัญหา

ใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องพลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น

1.3 กำหนดจุดประสงค์และเป้าหมาย

1.3.1 วัตถุประสงค์

1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนก่อนและหลังเรียน เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดน้ำคบ

2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้การใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

1.3.2 เป้าหมาย

1. เป้าหมายเชิงปริมาณ

- นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดน้ำคบ จำนวน 18คน

2. เป้าหมายเชิงคุณภาพ

- นักเรียนมีความรู้ มีทักษะพื้นฐาน สามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างอย่างเหมาะสม

2.ขั้นตอนการดำเนินงาน

2.1 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม

2.1.1 ขั้นการวางแผน P (Plan)

- ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตร/ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด / เนื้อหารายวิชา

- ศึกษาวิเคราะห์ปัญหานักเรียนรายบุคคล

2.1.2 ขั้นการดำเนินงาน D (Do)

- ออกแบบการจัดการเรียนรู้

- จัดทำกำหนดการสอน/แผนการจัดการเรียนรู้

- จัดทำสื่อ/นวัตกรรมประกอบการเรียนการสอน

- นำสื่อ/นวัตกรรมมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

2.1.3 ขั้นการตรวจสอบประเมินผล C (Check)

- วัดและประเมินผลลการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน

2.1.4 ขั้นการการพัฒนา / ปรับปรุงแก้ไข A (Act)

- วิเคราะห์ผลการประเมินเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป

2.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม

2.2.1 วิเคราะห์ปัญหานักเรียนเป็นรายบุคคล

2.2.2 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้

2.2.3 ให้นักเรียนทำแบบทดสอบเป็นรายบุคคล พร้อมบันทึกคะแนนในการทดสอบนักเรียนเป็นรายบุคคล

2.2.4 ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้

2.2.5 ดำเนินกิจกรรมกิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้า ดังนี้

-กิจกรรมให้ความรู้การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย กลุ่มเมสเซนเจอร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

-กิจกรรมให้ความรู้การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย(กิจกรรมหน้าเสาธง)

-กิจกรรมการประกวดคลิปวิดีโอการใช้ไฟฟ้าอย่งประหยัดและปลอดภัย

-การใช้ Application EGAT TOWN และ Application Sensor For All

ในการเรียนการสอน

2.2.6 จัดทำแบบทดสอนหลังเรียน และให้นักเรียนทำแบบทดสอบเป็นรายบุคคล พร้อมบันทึกคะแนนในการทดสอบนักเรียนเป็นรายบุคคล

2.2.7 ดำเนินการเปรียบเทียบคะแนนก่อนสอบและหลังเรียน

2.2.8 นักเรียนทำแบบสอบถามความพึงพอใจและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยวิเคราะห์ค่าความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

2.4 การใช้ทรัพยากร

งบประมาณในการดำเนินงาน - บาท

2.5 การมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

2.5.1 ผู้บริหารมีการจัดการประชุมในการจัดทำนวัตกรรมในการเรียนการสอนและส่งเสริมให้ครูมีนวัตกรรมในการแก้ปัญหาการเรียนการสอน

2.5.2 คณะครูมีการประชุม ปรึกษาหารือ ในการจัดทำนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้และ

มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

2.5.3 ครูผู้สอนดำเนินการจัดกิจกรรมโดยการใช้นวัตกรรมที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

2.5.4 นักเรียนให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน

3. ผลสำเร็จที่ได้รับ

3.1 ผลสำเร็จที่ได้

1. การใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงขึ้น เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2565 ก่อนจัดการเรียนการสอนได้ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน ทำให้สามารถสรุปได้ว่า มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 10.47 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 18.20 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน และมีผลต่างคะแนน เฉลี่ยเท่ากับ 7.73 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 38.65 เป็นไปตาม สมมติฐานที่ตั้งไว้

2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวักน้ำคบ จำนวน 18 คน มีความพึงพอใจในการการใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงขึ้น เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดน้ำคบ ในระดับพึงพอใจมาก

3.2 ประโยชน์ที่ได้รับ

3.2.1 จากการใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้

นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงขึ้น เรื่อง พลังงานไฟฟ้าและจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยทำให้ผู้สอนได้เข้าใจผู้เรียน ในขณะเดียวกันจะรับทราบผลการสอนของตนเองตามความคิดเห็นของนักเรียน

3.2.2 นำผลมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ต่อไป

3.2.3 เสริมสร้างทัศนคติที่ดีแก่ครู บุคลากร และนักเรียนในการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด

3.2.4 บ้านนักเรียนมีการใช้พลังงานไฟฟ้าลดลง

3.2.5 โรงเรียนวัดน้ำคบมีการให้พลังงานฟ้าลดลง

4. ปัจจัยความสำเร็จ

4.1 สิ่งที่ช่วยให้งานประสบความสำเร็จ

4.1.1 ผู้บริหารให้ความสําคัญและสนับสนุนการดำเนินงาน

4.1. 2 การมีส่วนร่วมของครูที่มีส่วนเกี่ยวข้องและให้คำชี้แนะ แนะนำ

4.1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม

4.1.4 ความพร้อมของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ

4.1.5 นักเรียนให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

5. บทเรียนที่ได้รับ

5.1 การระบุข้อมูลที่ได้รับและการนำผลงานไปใช้

5.1.1 การใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดการเรียนการสอนทำให้นักเรียนมีความใสใจในการเรียน ความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น

5.1.2 การให้นักเรียนใช้ Application EGAT TOWN และ Application Sensor For All เป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับครูและนักเรียน จึงทำให้ครูต้องหาความรู้และศึกษาก่อนนำไปใช้ และกิจรรมนี้ยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เป็นกิจกรรม Active Learning

5.1.3 จากการใช้กิจกรรมการลดใช้พลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพี่มขึ้นและยังเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

โพสต์โดย นางนุจรี ตรีเหรา : [22 เม.ย. 2567 (16:16 น.)]
อ่าน [78] ไอพี : 223.207.246.248
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,887 ครั้ง
หัวไชเท้าช่วยละลายเสมหะ
หัวไชเท้าช่วยละลายเสมหะ

เปิดอ่าน 17,447 ครั้ง
เปิดตัวแสตมป์ ในหลวงฉลองพระองค์สูทสีชมพู 12 ธ.ค.
เปิดตัวแสตมป์ ในหลวงฉลองพระองค์สูทสีชมพู 12 ธ.ค.

เปิดอ่าน 20,994 ครั้ง
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับความฝัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับความฝัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้

เปิดอ่าน 47,329 ครั้ง
7 สัญลักษณ์ในขวดพลาสติก มีความหมายอย่างไร อันไหนรีไซเคิลได้ ที่นี่มีคำตอบ
7 สัญลักษณ์ในขวดพลาสติก มีความหมายอย่างไร อันไหนรีไซเคิลได้ ที่นี่มีคำตอบ

เปิดอ่าน 11,459 ครั้ง
อยากรู้มั้ยว่าทำไม ? คนไทยถึงรักพระเจ้าแผ่นดิน
อยากรู้มั้ยว่าทำไม ? คนไทยถึงรักพระเจ้าแผ่นดิน

เปิดอ่าน 3,031 ครั้ง
แนะนำสถานที่ทำบุญตามวันเกิด รับวันพระใหญ่ "วิสาขบูชา"
แนะนำสถานที่ทำบุญตามวันเกิด รับวันพระใหญ่ "วิสาขบูชา"

เปิดอ่าน 51,127 ครั้ง
สรุปสูตรไฮเพอร์โบลา
สรุปสูตรไฮเพอร์โบลา

เปิดอ่าน 11,958 ครั้ง
รู้จักยัง...Hate Speech คืออะไร ? เกิดจากอะไร ? และเราจะรับมือได้อย่างไร?
รู้จักยัง...Hate Speech คืออะไร ? เกิดจากอะไร ? และเราจะรับมือได้อย่างไร?

เปิดอ่าน 22,400 ครั้ง
เผด็จการคืออะไร
เผด็จการคืออะไร

เปิดอ่าน 13,085 ครั้ง
ปัญหาศึกษาไทยใหญ่กว่าฟรี12 หรือ15 ปี
ปัญหาศึกษาไทยใหญ่กว่าฟรี12 หรือ15 ปี

เปิดอ่าน 16,328 ครั้ง
ไข้กาฬหลังแอ่น
ไข้กาฬหลังแอ่น

เปิดอ่าน 15,435 ครั้ง
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!

เปิดอ่าน 20,573 ครั้ง
รู้ไว้เพื่อระวัง กรุ๊ปเลือดบอกความสุ่มเสี่ยงของโรคได้นะ
รู้ไว้เพื่อระวัง กรุ๊ปเลือดบอกความสุ่มเสี่ยงของโรคได้นะ

เปิดอ่าน 17,713 ครั้ง
MV เพลง จำขึ้นใจ เพื่อรณรงค์ให้ข้าราชการปฏิบัติตนตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
MV เพลง จำขึ้นใจ เพื่อรณรงค์ให้ข้าราชการปฏิบัติตนตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ

เปิดอ่าน 19,786 ครั้ง
4 วิธีแก้เมาแบบฉับพลัน ด้วยตัวเอง
4 วิธีแก้เมาแบบฉับพลัน ด้วยตัวเอง

เปิดอ่าน 17,020 ครั้ง
"จันทรุปราคา"กับ"ทางช้างเผือก" 15มิถุนาฯ-ค่ำคืนมองฟ้าสุดอัศจรรย์
"จันทรุปราคา"กับ"ทางช้างเผือก" 15มิถุนาฯ-ค่ำคืนมองฟ้าสุดอัศจรรย์
เปิดอ่าน 4,966 ครั้ง
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ
เปิดอ่าน 12,251 ครั้ง
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
ผักที่มีรูจากแมลงใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป...
เปิดอ่าน 24,090 ครั้ง
สิงคโปร์รณรงค์เลิกบ้าคะแนนสอบ ปรามพ่อแม่อย่ากดดันลูก
สิงคโปร์รณรงค์เลิกบ้าคะแนนสอบ ปรามพ่อแม่อย่ากดดันลูก
เปิดอ่าน 9,825 ครั้ง
PSY - GANGNAM STYLE คลิปยอดฮิต "กังนัม สไตล์"
PSY - GANGNAM STYLE คลิปยอดฮิต "กังนัม สไตล์"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ