ครูบ้านนอก

ชื่อผู้รายงาน : นางวรนุช ทองเพชร ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวังทองพิทยาคม

ปีการศึกษา : 2558

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อใช้และศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2.2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กับเกณฑ์ ร้อยละ 80 2.3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2.4) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีของนักเรียน หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กับเกณฑ์ ร้อยละ 80 (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

วิธีดำเนินการวิจัยและพัฒนาแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80

ดำเนินการโดยผู้วิจัยได้ให้ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ตรวจสอบความเหมะสมขององค์ประกอบต่างๆของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แล้วนำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปทดลองใช้กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 3 กลุ่ม รวม 53 คน เพื่อปรับปรุงและหาประสิทธิภาพ ให้ได้ตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย (1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 12 ชุด (2) แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบต่างๆของชุดกิจกรรม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ E1/E2 ขั้นตอนที่ 2 การใช้และศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวังทองพิทยาคม จังหวัดพิษณุโลก ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 36 คน โดยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย (1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 12 ชุด (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลัง (3) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย พบว่า (1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความเหมาะสมขององค์ประกอบต่างๆของชุดกิจกรรมโดยภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก ( = 4.28 , S.D. = 0.21 ) และมีประสิทธิภาพ 84.49/82.73 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เฉลี่ยร้อยละ 86.68 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (4) ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (5) ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีของนักเรียน หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมี โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เฉลี่ยร้อยละ 88.23 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (6) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อ การจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์คำนวณเคมีโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.70 , S.D.= 0.19)

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,596 ครั้ง ความรู้เรื่องเมืองสยาม	เปิดอ่าน 13,368 ครั้ง ความเสียหายจากมหาวิทยาลัยไทยปิดเปิดเทอมตามอาเซียน	เปิดอ่าน 8,901 ครั้ง ชู'กรุงเก่า'นำร่อง ย่อโลกก.ท่องเที่ยวไทย
เปิดอ่าน 9,418 ครั้ง ปัจจัยฉุดรั้งการศึกษา (จบ)	เปิดอ่าน 23,177 ครั้ง ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบกราฟิก	เปิดอ่าน 16,575 ครั้ง ใบชะมวง ต้านมะเร็งและแบคทีเรีย
เปิดอ่าน 12,019 ครั้ง ไก่ทาสีย้อมผ้า ขายตามตลาดสด ระบาดหนักในภาคใต้	เปิดอ่าน 12,596 ครั้ง ความต่างของ 3จี กับ 3.9จี	เปิดอ่าน 15,317 ครั้ง มาอัพเดทดวงของคุณในรอบ 2 สัปดาห์
เปิดอ่าน 16,918 ครั้ง มนัส บุญจำนงค์	เปิดอ่าน 16,352 ครั้ง รังนก	เปิดอ่าน 23,389 ครั้ง มรดกโลกของไทย
เปิดอ่าน 14,484 ครั้ง 7 วิธีป้องกันโรคหัวใจวาย	เปิดอ่าน 17,415 ครั้ง เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว ช่วยลดพุงได้จริงหรือ?	เปิดอ่าน 86,173 ครั้ง การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain based Learning: BBL)

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory