แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบ กลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนบ้านนาฟองแดง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3
ชื่อผู้ศึกษา นางนภาพร ชัยสมบัติ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 เป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง และเรียนรู้อย่างมีความสุข มีทักษะพื้นฐานสามารถที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆได้การศึกษา ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนบ้านนาฟองแดง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 จำนวน 7 ชุด ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาไทยเรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านนาฟองแดง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 3) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านนาฟองแดง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วย แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านนาฟองแดง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 โรงเรียนบ้านนาฟองแดง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 จำนวน 11 คน
ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะภาษาไทยเรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน
7 เล่ม มีค่าความสอดคล้อง เท่ากับ 4.69 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน มีค่าความเหมาะสม ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.79 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าความยาก ระหว่าง 0.55 ถึง 0.73 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.30 ถึง 0.67 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความเที่ยงตรง
ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) และการทดสอบค่าที (t - test แบบ Dependent sample)
ผลการศึกษา พบว่า
1. การสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 เล่ม มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.36 / 83.64 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 มีค่าเท่ากับ 0.7000 แสดงว่า นักเรียนได้รับการพัฒนามีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.00
4. ผลการหาค่าความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 โดยภาพรวมทุกด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด
( = 4.57, = 0.59)
สรุปว่า การสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง ชนิดของคำ ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม ครูผู้สอน และผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรนำแบบฝึกทักษะชุดนี้ ไปใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน จะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ