ชื่อเรื่อง : ผลการใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ

ชื่อผู้วิจัย : ชุติมา ใจโชติ

ปีที่วิจัย : 2558

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน การวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนบ้านปราสาท อำเภอขุขันธ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 จำนวน 1 ห้องเรียนรวมนักเรียนทั้งสิ้น 29 คนซึ่งได้มาโดยการสุ่มซึ่งได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม(Cluster Random Sampling)การออกแบบการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการใช้กับนักเรียนกลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนและหลังปฏิบัติการ การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นวางแผน (Planning) ขั้นปฏิบัติตามแผน (Acting) ขั้นสังเกตและบันทึกผล (Observing) และขั้นสะท้อนผล (Reflecting) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ที่ใช้แบบฝึกทักษะ จำนวน 20 แผน 2) แบบฝึกทักษะ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน จำนวน 20 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .30 ถึง .77 และค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ .33 ถึง .80 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .85 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน จำนวน 20 ข้อ ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลตามแผนการวิจัยด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2558 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 และได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับและสถิติ t-test

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. แบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.43/80.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สูงกว่าก่อนเรียน ในภาพรวมมีค่าเท่ากับร้อยละ 41.38 โดยที่ร้อยละของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 39.14 และ 80.52 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบผลต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ t-test นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก

เว็บน่าสนใจ