ผู้วิจัย นางสุพรรณ สีหล้า
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กบินทร์บุรี
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ปีที่ศึกษาค้นคว้า 2556
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงและการเคลื่อนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กบินทร์บุรี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 40 คน โดยบริบทของโรงเรียนได้จัดนักเรียนคละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน ให้เรียนอยู่ในชั้นเรียนห้องเดียวกันแล้วจึงทำการสุ่มตัวอย่างโดนวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้คือ1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 9 แผน 2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 3)แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบเอกสารประกอบการเรียน เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ซึ่งมี 5 ระดับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการทดสอบที (t-test Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีค่าเท่ากับ 88.82/82.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80
2. นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5ขั้น
ประกอบแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.46, S.D.= 0.38) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าด้านที่มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด ได้แก่ ความความพึงพอใจด้านสื่อการเรียนรู้สอดคล้องกับสภาพจริงของนักเรียน ( = 4.63,S.D.=0.26) รองลงมาได้แก่ความพึงพอใจด้านสื่อการเรียนรู้สะดวกต่อการนำไปใช้ ( =4.60 , S.D.=0.28) ความพึงพอใจด้านนักเรียนรับทราบผลการประเมินผลงานของตนเองและเพื่อนๆทุกครั้ง ( =4.60 , S.D.=0.28) ความพึงพอใจด้านสื่อการเรียนรู้ทำให้ฉันเข้าใจมากยิ่งขึ้น ( =4.58, S.D.=0.30) และความพึงพอใจด้านนักเรียนพอใจคะแนนที่ทำได้( =4.58, S.D.=0.30) ตามลำดับ