ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือ แบบ STAD กลุ

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง และ ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบSTADกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ๔/๓ โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต ๓ ในภาคเรียนที่ ๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๙ จำนวน ๒๖ คน ที่ผู้รายงานเป็นครูประจำชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย ๑) ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้

ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน ๗ เล่ม ๒) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๒๓ แผน ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

ก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน ๓๐ ข้อ และ ๔) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๑๒ ข้อ ดำเนินการศึกษาในภาคเรียนที่ ๒

ปีการศึกษา ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน – ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ รวมเวลาทั้งสิ้น ๒๓ ชั่วโมง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติคือ ค่าเฉลี่ย และ ค่าร้อยละ

ผลการศึกษาพบว่า

๑) ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) มีค่าเท่ากับ ๘๒.๕๑ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) มีค่าเท่ากับ ๘๒.๖๙ ดังนั้น ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง

มีค่าเท่ากับ ๘๒.๕๑ /๘๒.๖๙

๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้

ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๕.๙๒ คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๗๔ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๒๔.๘๑ คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๖๙ โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเฉลี่ย ๑๘.๘๙ คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๙๕

๓) ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง เฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๖๖ คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๒๒

ข้อเสนอแนะ

๑) ครูผู้สอนหรือผู้ที่มีความรับผิดชอบในการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หรือผู้ที่มีความประสงค์จะพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียน สามารถนำชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยเทคนิคการเรียนรู้ร่วมมือแบบ STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ไปประยุกต์ใช้สำหรับเสริมทักษะภาษาไทยเรื่องการอ่านจับใจความได้ เพราะจากผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นถึงผลของความสำเร็จในการนำไปใช้คือ การมีประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะฯเท่ากับ ๘๒.๕๑/๘๒.๖๙ สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญให้สูงขึ้นได้ ประกอบกับผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่พบว่า นักเรียนมีความ

พึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญฯ มีระดับความพึงพอใจสูงที่สุดคือ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๕.๐๐ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และเมื่อพิจารณาในภาพรวมยังพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้ชุดฝึกทักษะฯโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพของชุดฝึกทักษะฯที่ผู้รายงานสร้างขึ้นได้เป็นอย่างดี

๒) จากการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนพบว่า เนื้อหา สาระมีความเหมาะสม ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ ตรงกับระดับชั้นของผู้เรียน มีระดับความพึงพอใจต่ำสุดซึ่งอาจอธิบายได้ว่า การออกแบบชุดฝึกทักษะฯ เนื้อหาสาระ หรือกระบวนการต่างๆของแบบทดสอบที่กำหนดไว้ใน ชุดฝึกทักษะฯ อาจจะยังมีความไม่เหมาะสมหรืออาจจะมีความบกพร่องบางประการ จึงส่งผลให้นักเรียนไม่พึงพอใจในประเด็นดังกล่าว ดังนั้น ครูผู้สอนหรือผู้ที่ต้องการนำไปใช้ควรให้ความสำคัญ

กับการออกแบบชุดฝึกทักษะฯ เนื้อหาสาระหรือกระบวนการต่างๆของแบบทดสอบที่กำหนดไว้ใน ชุดฝึกทักษะฯให้มีความเหมาะสม สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนให้ทำงานได้อย่างมีความสุขและเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

โพสต์โดย การ์ตูน : [2 พ.ค. 2560 เวลา 17:31 น.]
อ่าน [3918] ไอพี : 101.51.116.100
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,368 ครั้ง
ทางออกของวิกฤตการศึกษาไทยภายใต้การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.
ทางออกของวิกฤตการศึกษาไทยภายใต้การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.

เปิดอ่าน 16,739 ครั้ง
มาดู 6 วิธีหลีกหนี "สิว"
มาดู 6 วิธีหลีกหนี "สิว"

เปิดอ่าน 17,769 ครั้ง
วิธีแก้อาการปวดหลัง
วิธีแก้อาการปวดหลัง

เปิดอ่าน 9,545 ครั้ง
สารอาหาร ที่เซลล์มะเร็งต้องการ
สารอาหาร ที่เซลล์มะเร็งต้องการ

เปิดอ่าน 44,156 ครั้ง
Verb Tenses (Future Tenses )
Verb Tenses (Future Tenses )

เปิดอ่าน 44,584 ครั้ง
สุภาษิต หรือ ภาษิต
สุภาษิต หรือ ภาษิต

เปิดอ่าน 14,203 ครั้ง
วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม
วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม

เปิดอ่าน 13,340 ครั้ง
ใบหน้าที่หายไป หายไปได้ยังไง ชมคลิปเลยครับ
ใบหน้าที่หายไป หายไปได้ยังไง ชมคลิปเลยครับ

เปิดอ่าน 20,773 ครั้ง
วีดิทัศน์คณิตศาสตร์ ชั้น ป.4 โดย สสวท.
วีดิทัศน์คณิตศาสตร์ ชั้น ป.4 โดย สสวท.

เปิดอ่าน 32,260 ครั้ง
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้

เปิดอ่าน 9,805 ครั้ง
"โรงเรียนนิติบุคคล" ปฏิรูปการศึกษา...เกิดขึ้นจริง
"โรงเรียนนิติบุคคล" ปฏิรูปการศึกษา...เกิดขึ้นจริง

เปิดอ่าน 15,694 ครั้ง
ยาคุมแบบฉีด ทำมวลกระดูกเสื่อมอย่างน้อย 5%
ยาคุมแบบฉีด ทำมวลกระดูกเสื่อมอย่างน้อย 5%

เปิดอ่าน 9,296 ครั้ง
ฤดูฝน กับยางของท่าน
ฤดูฝน กับยางของท่าน

เปิดอ่าน 10,406 ครั้ง
จิบเครื่องดื่มให้ถูกจังหวะ ก็แก้ปัญหาสุขภาพได้
จิบเครื่องดื่มให้ถูกจังหวะ ก็แก้ปัญหาสุขภาพได้

เปิดอ่าน 23,062 ครั้ง
รูปร่างลักษณะของดวงจันทร์บนฟ้า
รูปร่างลักษณะของดวงจันทร์บนฟ้า

เปิดอ่าน 29,116 ครั้ง
"เห็ดเผาะ" คืออะไร คุณรู้จักไหม?
"เห็ดเผาะ" คืออะไร คุณรู้จักไหม?
เปิดอ่าน 28,723 ครั้ง
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว
5 วิธีชำระหนี้ กยศ. ให้หมดอย่างรวดเร็ว
เปิดอ่าน 73,157 ครั้ง
การเรียนรู้ตลอดชีวิต คืออะไรและสำคัญตรงไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
การเรียนรู้ตลอดชีวิต คืออะไรและสำคัญตรงไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
เปิดอ่าน 303,595 ครั้ง
แบบคำขอวิทยฐานะ ก.ค.ศ 1 ก.ค.ศ 1/1 ก.ค.ศ 2 และ 3 ฉบับ word
แบบคำขอวิทยฐานะ ก.ค.ศ 1 ก.ค.ศ 1/1 ก.ค.ศ 2 และ 3 ฉบับ word
เปิดอ่าน 26,706 ครั้ง
การพัฒนาการวิจัยโดยใช้รูปแบบ
การพัฒนาการวิจัยโดยใช้รูปแบบ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ