ชื่อเรื่อง การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักร
การเรียนรู้ 5 ขั้น
ผู้ศึกษา นายวุฒิพงษ์ ดอนเงิน
สถานศึกษา โรงเรียนขมิ้นพิทยาสรรพ์ สังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์
ปีที่ศึกษา 2558
บทคัดย่อ
แบบฝึกทักษะ เป็นนวัตกรรมหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนองตอบความแตกต่างระหว่างบุคคล และยึดหลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แบบฝึกทักษะเป็นสื่อการเรียนรู้
แห่งการปฏิบัติของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความชำนาญ และเกิดทักษะในการเรียนรู้
ในเรื่องที่จะศึกษาหรือฝึกเพิ่มเติมมากขึ้น การศึกษาในครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างหลังเรียนและก่อนเรียน ด้วยแบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น ประชากรที่ใช้ศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนขมิ้นพิทยาสรรพ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 2 ห้องเรียน จำนวน 56 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนขมิ้นพิทยาสรรพ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน คือ ชั้น ม. 4/2 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster sampling) ด้วยวิธีการจับสลากและเป็นห้องที่ผู้ศึกษาปฏิบัติหน้าที่สอนเครื่องมือที่ใช้ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะฟิสิกส์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 8 แผน รวมแผนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้เวลา 20 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ 30 ข้อ มีค่าความยากง่ายรายข้อตั้งแต่ 0.60 - 0.80 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.31 0.80 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.85 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 16 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.62 ถึง 0.92 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test (แบบ Dependent Samples) ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น
ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.33/82.11 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น
มีค่าเท่ากับ 0.7175 ซึ่งหมายความว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น ทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 71.75
3. นักเรียนที่เรียนรู้จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น
มีค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น สรุปโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น จึงเหมาะเป็นแนวทางในการนำไปใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการศึกษาและมีประสิทธิภาพต่อไป