ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน เรื่องเพศศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย : นายรัตนชัย ชะลาลัย

ปีที่วิจัย : 2559

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน เรื่องเพศศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ย่อยเพื่อ1)สำรวจความรู้เกี่ยวกับปัญหาการเรียนวิชาสุขศึกษา ด้านเนื้อหา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6

2 ) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนวิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3)เพื่อทดลองใช้เอกสารประกอบการเรียนวิชาสุขศึกษาและ 4)เพื่อประเมินผลการใช้เอกสารประกอบการเรียน วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ซึ่งการวิจัยครั้งนี้ แบ่งเป็น4ขั้นตอนคือ

ขั้นตอนที่1 การสำรวจสภาพปัญหากลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 จำนวน15คนได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสำรวจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่2การสร้างและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนวิชาสุขศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 จำนวน5ท่าน ตรวจสอบความสอดคล้องและความเหมาะสมด้านเนื้อหา ก่อนนำไปใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 9 คน เพื่อหาประสิทธิ๓าพตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือประกอบด้วยเอกสารประกอบด้วยเอกสารประกอบการเรียนวิชาสุขศึกศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 เรื่อง เพศศึกษาและแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบเลือกคำตอบ4ตัวเลือก จำนวน40ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ

ค่าดัชนีความสอดคล้องและร้อยละของค่าเฉลี่ย ขั้นตอนที่3 การทดลองใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2559

จำนวน15คน เครื่องมือที่ใชได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 เรื่องเพศศึกษาและแบบสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบเลือกตอบ4ตัวเลือก จำนวน40ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือการทดสอบที (t-test) ขั้นตอนที่4 การประเมินเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักเรียนที่ใช้เอกสารประกอบการเรียน จำนวน15คน เครื่องมือที่ใช้่ ได้แก่

แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1.เนื้อหาที่มีปัญหาในการเรียนการสอนมากที่สุด คือ โรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์

2.เอกสารประกอบการเรียนที่สร้างขึ้นมีประสิทธิ๓าพ 86.33/86.33

3.คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4.ความคิดเห็นของนักเรียนกลุ่มทดลอง มีความเห็นเกี่ยวกับเอกสารประกอบการเรียนด้านปัจจัยนำเข้าและด้านกระบวนการว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงที่สุด ด้านผลผลิตเมื่อพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปรากฎว่ามีนักเรียนมีความรู้ทางวิชาสุขศึกษาเพิ่มมากขึ้น

โพสต์โดย สีนิล : [26 ก.พ. 2561 เวลา 09:51 น.]
อ่าน [5403] ไอพี : 1.20.90.113
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,026 ครั้ง
ดื่มล้างพิษ เพิ่มพลัง ตับ แข็งแรง
ดื่มล้างพิษ เพิ่มพลัง ตับ แข็งแรง

เปิดอ่าน 25,630 ครั้ง
วิธีฝึกภาษาอังกฤษอังกฤษอย่างไรให้เก่งเทพใน 1-3 เดือน!!!
วิธีฝึกภาษาอังกฤษอังกฤษอย่างไรให้เก่งเทพใน 1-3 เดือน!!!

เปิดอ่าน 9,537 ครั้ง
กังนัมสไตล์ ฮิตขนาดน้องหมาเลียนแบบ
กังนัมสไตล์ ฮิตขนาดน้องหมาเลียนแบบ

เปิดอ่าน 27,411 ครั้ง
เทคนิคภาษาอังกฤษ
เทคนิคภาษาอังกฤษ

เปิดอ่าน 9,906 ครั้ง
คนนอนกรนไม่ต้องกลัวเป็นโรคหัวใจไม่เกี่ยวพันกับโรคหัวใจและหลอดเลือด
คนนอนกรนไม่ต้องกลัวเป็นโรคหัวใจไม่เกี่ยวพันกับโรคหัวใจและหลอดเลือด

เปิดอ่าน 15,544 ครั้ง
แชร์ว่อนเน็ต ตำรวจจับมอเตอร์ไซค์ วิ่งเลนขวาผิดหรือ
แชร์ว่อนเน็ต ตำรวจจับมอเตอร์ไซค์ วิ่งเลนขวาผิดหรือ

เปิดอ่าน 46,525 ครั้ง
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)

เปิดอ่าน 23,635 ครั้ง
วิธีดูแลรักษา แปรงสีฟัน
วิธีดูแลรักษา แปรงสีฟัน

เปิดอ่าน 9,501 ครั้ง
ทำไมคนเราถึงฝัน
ทำไมคนเราถึงฝัน

เปิดอ่าน 11,191 ครั้ง
A Systems Approach for Developing Technological Literacy
A Systems Approach for Developing Technological Literacy

เปิดอ่าน 13,558 ครั้ง
"เสาวรส"
"เสาวรส"

เปิดอ่าน 37,727 ครั้ง
การประเมินวิทยฐานะช่วงเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์เก่าสู่ระบบ PA (ศึกษานิเทศก์)
การประเมินวิทยฐานะช่วงเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์เก่าสู่ระบบ PA (ศึกษานิเทศก์)

เปิดอ่าน 11,732 ครั้ง
"เลี้ยง"ต้องแบบไหน? "ลูกยุคดิจิตอล" ข้ามวิกฤต..สู่ไทย 4.0
"เลี้ยง"ต้องแบบไหน? "ลูกยุคดิจิตอล" ข้ามวิกฤต..สู่ไทย 4.0

เปิดอ่าน 14,075 ครั้ง
มัลติมีเดีย ที่มาของการขยายเทคโนโลยีเครือข่าย
มัลติมีเดีย ที่มาของการขยายเทคโนโลยีเครือข่าย

เปิดอ่าน 12,663 ครั้ง
การศึกษา...จากแนวราบ กลับสู่แนวดิ่ง
การศึกษา...จากแนวราบ กลับสู่แนวดิ่ง

เปิดอ่าน 12,321 ครั้ง
รัดผมตึง...ระวังโรคเครียด
รัดผมตึง...ระวังโรคเครียด
เปิดอ่าน 10,442 ครั้ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
เปิดอ่าน 37,313 ครั้ง
ประเภทของภาพกราฟิก
ประเภทของภาพกราฟิก
เปิดอ่าน 217,622 ครั้ง
เทคโนโลยี มีกี่ระดับอะไรบ้าง
เทคโนโลยี มีกี่ระดับอะไรบ้าง
เปิดอ่าน 13,820 ครั้ง
ADT โรคใหม่มาแรงของผู้บริหารและมนุษย์ออฟฟิศ
ADT โรคใหม่มาแรงของผู้บริหารและมนุษย์ออฟฟิศ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ