ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ

ชื่อผู้รายงาน นางสาวยามีละ หมัดหมาน

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในตนเอง ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่มีต่อกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ประชากร คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง จำนวน 2 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งสิ้นจำนวน 38 คน กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านหนองธง จังหวัดพัทลุง จำนวนนักเรียน 19 คน ที่ผู้รายงานเป็นครูประจำชั้น ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยดำเนินการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ จำนวน 24กิจกรรม แผนการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ จำนวน 24 แผน แบบทดสอบวัดความเชื่อมั่นในตนเอง ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 จำนวน 1 ฉบับ มีข้อทดสอบ 20 ข้อ แบบประเมินพฤติกรรมความเชื่อมั่นในตนเอง ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 จำนวน 24 ฉบับ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ จำนวน 8 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( )และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D)

ผลการศึกษาพบว่า (1) ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.58 / 85.77 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 (2) ผลเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในตนเอง ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยการใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ( ) เท่ากับ 26.73 คะแนนและค่าเฉลี่ยคะแนนหลังการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ( ) เท่ากับ 34.31 แสดงว่าความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนหลังการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ กว่าก่อนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (3) ผลการศึกษาด้านความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ปรากฏว่า นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจโดยรวมทั้ง 8 สัปดาห์ ( ) มีค่าเท่ากับ 2.93 อยู่ในระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย นางสาวยามีละ หมัดหมาน : [22 พ.ค. 2561 เวลา 15:18 น.]
อ่าน [4499] ไอพี : 14.207.33.46
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 27,127 ครั้ง
10 เทคนิคการ ซ่อมคอมพิวเตอร์ ด้วยตัวเอง
10 เทคนิคการ ซ่อมคอมพิวเตอร์ ด้วยตัวเอง

เปิดอ่าน 18,907 ครั้ง
กินอาหารต้านแก่แบบไทยๆ
กินอาหารต้านแก่แบบไทยๆ

เปิดอ่าน 32,707 ครั้ง
น่ารักครับ! ลูกใช้หลักอริยสัจ 4 แนะทางออกแก้ปัญหาแม่ติดโทรศัพท์
น่ารักครับ! ลูกใช้หลักอริยสัจ 4 แนะทางออกแก้ปัญหาแม่ติดโทรศัพท์

เปิดอ่าน 10,516 ครั้ง
พบตะกั่วในลิปสติก มีปริมาณน้อยมากต่ำกว่า ระดับเป็นอันตราย
พบตะกั่วในลิปสติก มีปริมาณน้อยมากต่ำกว่า ระดับเป็นอันตราย

เปิดอ่าน 10,736 ครั้ง
สาวกเนื้อเต้น ! ภาพชุด iPad Mini ล่าสุดว่อนเน็ต
สาวกเนื้อเต้น ! ภาพชุด iPad Mini ล่าสุดว่อนเน็ต

เปิดอ่าน 14,951 ครั้ง
ดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ระวังสารบีพีเอปนเปื้อน
ดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ระวังสารบีพีเอปนเปื้อน

เปิดอ่าน 32,476 ครั้ง
เส้นเลือดขอด และเส้นเลือดฝอยที่ขาแตก มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
เส้นเลือดขอด และเส้นเลือดฝอยที่ขาแตก มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน

เปิดอ่าน 17,517 ครั้ง
นักฟิสิกส์อินเดีย ชี้มีวิธีค้นหา ‘รูหนอน’
นักฟิสิกส์อินเดีย ชี้มีวิธีค้นหา ‘รูหนอน’

เปิดอ่าน 13,945 ครั้ง
สัญญาณบอกอาการ 15 โรคฮิต เช็กดูสักนิด ก่อนจิตตก
สัญญาณบอกอาการ 15 โรคฮิต เช็กดูสักนิด ก่อนจิตตก

เปิดอ่าน 25,135 ครั้ง
หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary storage Unit)
หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary storage Unit)

เปิดอ่าน 54,915 ครั้ง
เคยสงสัยไหมว่า เขาลักลอบตัด"ไม้พะยูง"ไปทำอะไรกัน??
เคยสงสัยไหมว่า เขาลักลอบตัด"ไม้พะยูง"ไปทำอะไรกัน??

เปิดอ่าน 18,899 ครั้ง
มาฝึกสมาธิเบื้องต้นกันดีกว่า
มาฝึกสมาธิเบื้องต้นกันดีกว่า

เปิดอ่าน 13,812 ครั้ง
เผยอีโคไลตัวใหม่ ทนยาปฏิชีวนะ ถึงตายได้
เผยอีโคไลตัวใหม่ ทนยาปฏิชีวนะ ถึงตายได้

เปิดอ่าน 36,142 ครั้ง
หนังตะลุง
หนังตะลุง

เปิดอ่าน 13,491 ครั้ง
5 เคล็ดลับทำตอนเช้า ลด "ไขมันพอกตับ" ได้จริง แถมสุขภาพดีขึ้น
5 เคล็ดลับทำตอนเช้า ลด "ไขมันพอกตับ" ได้จริง แถมสุขภาพดีขึ้น

เปิดอ่าน 13,275 ครั้ง
ไฟหมุนร้านตัดผมมีที่มาอย่างไร
ไฟหมุนร้านตัดผมมีที่มาอย่างไร
เปิดอ่าน 14,367 ครั้ง
คนขับรถเมล์ เป็นลมขณะขับรถ ผู้โดยสารช่วยกันประคองรถวุ่น
คนขับรถเมล์ เป็นลมขณะขับรถ ผู้โดยสารช่วยกันประคองรถวุ่น
เปิดอ่าน 1,293 ครั้ง
ประโยชน์ที่ไม่ธรรมดา ของกล้วยเล็บมือนาง
ประโยชน์ที่ไม่ธรรมดา ของกล้วยเล็บมือนาง
เปิดอ่าน 12,404 ครั้ง
บริหารหน้าอย่างไร ให้ดูน่ามอง
บริหารหน้าอย่างไร ให้ดูน่ามอง
เปิดอ่าน 13,704 ครั้ง
ภัยลิปสติกเจล เสี่ยงมะเร็ง!
ภัยลิปสติกเจล เสี่ยงมะเร็ง!

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ