|
|
ผู้วิจัย ว่าที่ ร.ท. ตรีโกณ นครพรหม
ปีที่วิจัย พ.ศ. 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่เน้นทักษะการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการสอนตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นทักษะการแก้ปัญหาของโพลยา มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป และ 3) เพื่อศึกษาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติการ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม จำนวน 12 แผน แต่ละแผนใช้เวลาสอน 1 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้สะท้อนผลการปฏิบัติการ ได้แก่ แบบประเมินด้านทักษะ/กระบวนการ แบบประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใบกิจกรรม แบบฝึกทักษะ แบบทดสอบท้ายวงจร 3) เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม
การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจร เมื่อดำเนินการครบทั้ง 3 วงจร แล้วใช้เครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ เก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลรายงานในลักษณะการบรรยายและหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ
ผลการวิจัยพบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่เน้นทักษะ การแก้ปัญหาของโพลยา เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีขั้นตอนในการจัดกิจกรรม 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน โดยการทบทวนความรู้เดิม การถาม-ตอบเพื่อกระตุ้นกระบวนการคิด ขั้นที่ 2 ขั้นสอน เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้น ดังนี้ (1) ขั้นไตร่ตรองรายบุคคล เป็นขั้นที่นักเรียนแต่ละคนต้องเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาผ่านใบกิจกรรมที่ครูเตรียมไว้ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ซึ่งมี 4 ขั้น คือ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นมองย้อนกลับ (2) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อย เป็นขั้นที่นักเรียนเข้ากลุ่มย่อยเพื่อร่วมกันอภิปรายแนวทางในการแก้สถานการณ์ปัญหาของแต่ละคน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงกระบวนการการหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุด แล้วบันทึกลงในใบกิจกรรม และเตรียมพร้อมนำเสนอต่อชั้นเรียน (3) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มใหญ่ นักเรียนแต่ละกลุ่ม ส่งตัวแทนออกมานำเสนอวิธีการหาคำตอบของกลุ่มตนเอง เพื่อให้สมาชิกกลุ่มอื่นๆช่วยกันอภิปรายหรือเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นที่ 3 ขั้นสรุปผล ในขั้นนี้นักเรียนทุกคนร่วมกันสรุปแนวคิด หลักการ และวิธีการแก้ปัญหา โดยรวบรวมจากการนำเสนอและการอภิปรายของเพื่อนร่วมชั้น และครูช่วยสรุปความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนเกิดความคิดรวบยอด และหลักการที่ถูกต้องชัดเจน ขั้นที่ 4 ขั้นฝึกทักษะ เป็นขั้นให้นักเรียนทำแบบฝึกทักษะจากสถานการณ์ปัญหาที่กำหนดให้เป็นรายบุคคล เพื่อเป็นการประเมินความรู้ความเข้าใจของนักเรียน ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล เป็นขั้นประเมินทักษะความรู้ของนักเรียนจากการตรวจแบบฝึกทักษะ และประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน จากแบบประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 79.63 ของคะแนนเต็ม และมีนักเรียนผ่านเกณฑ์จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 88.89 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือมีจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป
3. นักเรียนมีความสามารถด้านทักษะการแก้ปัญหา โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80.00 ของคะแนนเต็ม
|
โพสต์โดย แท๊ต : [25 มิ.ย. 2561 เวลา 08:35 น.] อ่าน [1989] ไอพี : 49.48.129.55
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 10,381 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 112,497 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,699 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,536 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,532 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 28,031 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,173 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,431 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,896 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,419 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,484 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,049 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,146 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,282 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,742 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 17,724 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,617 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 24,093 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,702 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 1,387 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|