ชื่อเรื่อง : การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา
เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
และการคิดเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนเทศบาลวัดนิโครธาราม
ชื่อผู้วิจัย : นางสาวฑีฆพัชร์ แทนมาก
ปีที่วิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ.1).เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนากิจกรรม การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2).เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80.3).เพื่อทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ดังนี้.3.1.ศึกษาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนหลังเรียน ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น.3.2.ศึกษาการคิดเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนหลังเรียน ด้วยกิจกรรม การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น 3.3 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาเรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์.สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาลวัดนิโครธาราม สังกัดเทศบาลเมืองพัทลุง จำนวน 33 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1).กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น 2) แบบประเมินคุณภาพกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น 3) แบบประเมินความสามารถในคิดแก้ปัญหา 4) แบบประเมินความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางเรียน 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test Dependent Sample และร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่า
1. สภาพข้อมูลพื้นฐานการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์.นักเรียนมีความต้องการในการจัด การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ กิจกรรมที่นักเรียนเรียนรู้จากการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม รองลงมาคือ เป็นกิจกรรมที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ เปิดโอกาสให้นักเรียนคิดและหาคำตอบได้อย่างอิสระและสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้อธิบายและแสดงความคิดเห็น และสิ่งที่ต้องการน้อยที่สุด คือ กิจกรรมที่เน้นให้ครูบรรยายหรืออธิบายและนักเรียน จดบันทึก
2. กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 84.13/82.88
3. ผลการทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีดังนี้
3.1.ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียน อยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 87.65
3.2.ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน อยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 87.13
3.3.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง แสงและการมองเห็น เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและการคิดเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.47