|
|
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาสภาพแวดล้อมและแนวทางการสนับสนุน นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผล 2) พัฒนากลยุทธ์การนำนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผล 3) เพื่อประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และประโยชน์ของกลยุทธ์การทำนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผล 4) เพื่อทดลองใช้และประเมินความพึงพอใจต่อกลยุทธ์การนำนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพแวดล้อมและแนวทางการสนับสนุนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผลโดยการศึกษาสภาพแวดล้อมของโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) กลุ่มเป้าหมายได้แก่ คณะกรรมการบริหารโรงเรียน จำนวน 30 คน โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และสรุปอุปนัย (Analytic lnduction) และศึกษารายกรณี (Case Study) แนวทางการสนับสนุนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของสำนักการศึกษา เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี กลุ่มเป้าหมายได้แก่บุคลากรในสำนักการศึกษา เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จำนวน 5 คน โดยการสัมภาษณ์วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และสรุปอุปนัย (Analytic lnduction) ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนากลยุทธ์การนำนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้สู่การปฏิบัติที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา จำนวน 9 คน โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และสรุปอุปนัย (Analytic lnduction) ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และประโยชน์ของกลยุทธ์การนำนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้สู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ คณะกรรมการบริหารโรงเรียน จำนวน 30 คน โดยใช้แบบประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และประโยชน์ของนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผล มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย และขั้นตอนที่ 4 การทดลองใช้และประเมินความพึงพอใจต่อกลยุทธ์การนำนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้สู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล โรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 622 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1- มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) จำนวน 234 คน ได้มาโดยใช้วิธีตารางสำเร็จรูปของ krejcie และ Morgen ครูผู้สอน จำนวน 43 คน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 622 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้จำนวน 234 คน ได้มาโดยใช้วิธีตารางสำเร็จรูป krejcie และ Morgen วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาสภาพแวดล้อมและแนวทางการสนับสนุนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผล 1.1) ผลการศึกษาสภาพแวดล้อมของโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีพบว่าสภาพแวดล้อมภายในเป็นจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อนและสภาพแวดล้อมภายนอกมีปัจจัยที่เป็นโอกาสมากว่าอุปสรรค โดยเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า สภาพแวดล้อมของโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) ได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ (ปัจจัยภายใน) มี 7 ด้าน ได้แก่ ด้านยุทธศาสตร์ เป็นจุดแข็ง 5 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 4 ประเด็น ด้านโครงสร้างองค์กร เป็นจุดแข็ง 4 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 1 ประเด็น ด้านระบบองค์กร เป็นจุดแข็ง 6 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 1 ประเด็น ด้านทักษะและประสบการณ์ เป็นจุดแข็ง 5 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 2 ประเด็น ด้านคุณค่าร่วม เป็นจุดแข็ง 3 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 1 ประเด็น ด้านบุคลากร เป็นจุดแข็ง 4 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 2 ประเด็น ด้านรูปแบบการบริหารจัดการ เป็นจุดแข็ง 4 ประเด็น เป็นจุดอ่อน 1 ประเด็น สภาพแวดล้อมของโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) ได้จาการประชุมเชิงปฏิบัติการ (ปัจจัยภายนอก) มี 5 ด้าน ได้แก่ ด้านลูกค้า หรือผู้รับบริการเป็นโอกาส 2 ประเด็น เป็นอุปสรรค 2 ประเด็น ด้านสถานการณ์ ทางการเมืองเป็นโอกาส 3 ประเด็น เป็นอุปสรรค 1 ประเด็น ด้านเศรษฐกิจ เป็นโอกาส 2 ประเด็น เป็นอุปสรรค 1 ประเด็น ด้านสังคม เป็นโอกาส 3 ประเด็น เป็นอุปสรรค 1 ประเด็น ด้านเทคโนโลยี เป็นโอกาส 3 ประเด็น เป็นอุปสรรค 2 ประเด็น 1.2) ผลการศึกษาแนวทางการสนับสนุนนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิผลของสำนักการศึกษา เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีใน 3 ด้าน คือ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการนิเทศการศึกษา 2) ผลการสร้างกลยุทธ์การทำนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้สู่การปฏิบัติหมอสม กับสภาพแวดล้อมโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง)ประกอบด้วย 4 ด้านดังนี้ ด้านที่ 1 ด้านการบริหารบุคลากรประกอบด้วย 7 กลยุทธ์ด้านที่ 2 ด้านการบริหารวัสดุอุปกรณ์และสื่ออำนวยความสะดวกประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ด้านที่ 3 ด้านการบริหารงบประมาณประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ ด้านที่ 4 ด้านการบริหารจัดการ ประกอบด้วย 9 กลยุทธ์ 3) ผลการประเมินกลยุทธ์การทำนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้สู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลโรงเรียนเทศบาล ๓ (ตลาดล่าง) ดังนี้ การประเมิน ความเหมาะสมค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูและนักมีส่วนร่วมในการกำหนดกิจกรรมการจัดการเรียนการสอน ตามความสนใจของนักเรียน และจัดทำกำหนดการสอนและออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียนเท่ากับ 4.83 ค่าเฉลี่ยรองลงมา คือ โรงเรียนส่งเสริมให้ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการซ้อมอย่างหลากหลายโรงเรียนจัดประชุมหรือสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนตามนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้และส่งเสริมความเป็นเลิศความถนัดและศักยภาพของนักเรียนเท่ากับ 4.80
|
โพสต์โดย ฐิ : [5 มี.ค. 2562 เวลา 14:12 น.] อ่าน [1972] ไอพี : 171.6.246.29
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 8,442 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,323 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,299 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 7,874 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 79,285 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,762 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,706 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 2,145 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,750 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,189 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,059 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,099 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,219 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,360 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 117,807 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 194,625 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,114 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,805 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 79,888 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 23,500 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|