การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรค ด้านความรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ และความจำเป็นของการประเมินทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับครูวิทยาศาสตร์ 2) สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) ทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ประเมินผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/10 โรงเรียนเทศบาล 4 ระบบสาธิตเทศบาลเมืองลพบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวนนักเรียน 30 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ครู เรื่อง สภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรค ด้านความรู้และการประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2) แบบสอบถามความคิดเห็นครูเกี่ยวกับความจำเป็นของการประเมินทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ โดยใช้รูปแบบการจัด การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ จำนวน 40 ข้อ 6) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 20 ข้อ และ 7) แบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 10 ข้อ เวลาที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง 22 ชั่วโมง แบบแผนการทดลองเป็นแบบ One-Group Pretest-Posttest Design และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า E1/E2 และการทดสอบที (t-test dependent samples)

ผลการศึกษาพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาล 4 ระบบสาธิตเทศบาลเมืองลพบุรีพบว่า มีคะแนนเฉลี่ย 31.29 มีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าทุกระดับ และสาระการเรียนรู้ที่โรงเรียนควรเร่งพัฒนา เนื่องจากมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าทุกระดับและสาระการเรียนรู้ที่โรงเรียนควรเร่งพัฒนา คือ สาระที่ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ และผลจากการสัมภาษณ์ พบว่า ครูไม่สามารถที่จะวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่ก็เห็นความจำเป็นที่ควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียน

2. ก่อนการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้มีการหาคุณภาพความสอดคล้องและประสิทธิภาพก่อนนำมาใช้ทดลอง และนำไปทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง พบว่า มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 โดยมีค่าประสิทธิภาพเป็น 80.64/80.55 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 โดยมีค่าประสิทธิภาพเป็น 83.52/82.93 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างภายหลังที่ได้รับการสอนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนได้รับการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างภายหลัง ที่ได้รับการสอนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนได้รับการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เช่นกัน

4. ภายหลังเรียนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับมากที่สุด (x- = 4.65, S.D. = 0.48)

เว็บน่าสนใจ