ครูบ้านนอก

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PPBL เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษ ที่ 21 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานและแบบโครงงานเป็นฐาน (Problem and Project Based Learning) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ PPBL กับการเรียนแบบปกติ 3) เพื่อส่งเสริมทักษะในศตวรรษที่ 21 ให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนชากังราววิทยา (อินทร์ – ชุ่ม ดีสารอุปถัมภ์) กองการศึกษา เทศบาลเมืองกำแพงเพชร ที่ได้จากวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 2 ห้องเรียน ประกอบด้วย กลุ่มทดลองจำนวน 33 คน และกลุ่มควบคุมจำนวน 28 คน โดยใช้แผนการวิจัยแบบกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม มีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (Pretest-Posttest Control Group Design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ PPBL เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ จำนวน 5 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.25 ถึง 0.72 และค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.23 ถึง 0.61 มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.88 การวิเคราะห์ข้อมูลหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนการรู้แบบ PPBL เทียบกับเกณฑ์ 80/80 การเปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้การทดสอบ t-test แบบ Independent Sample และหาค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาและโครงงานเป็นฐาน ผลการวิจัยพบว่า

1. การสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาและโครงงานเป็นฐาน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ รายวิชา ว 23101 วิทยาศาสตร์พื้นฐานมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.50 / 86.32 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80 แสดงว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PPBL เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ นี้สามารถนำมาใช้ในการจัดเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ รายวิชา ว 23101 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยของคะแนนการสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของกลุ่มทดลอง ( = 26.61) และกลุ่มควบคุม ( = 21.54) มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หลังการทดลองนักเรียนกลุ่มทดลองที่สอนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PPBL มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ สูงกว่ากลุ่มควบคุมที่สอนโดยวิธีปกติ

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PPBL ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ที่นักวิจัยได้พัฒนาขึ้นได้รับการส่งเสริมทักษะในศตวรรษที่ 21

เว็บน่าสนใจ