บทคัดย่อ

รายงานการพัฒนาชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนาชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ที่เรียนด้วยชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนห้วยข่าพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 35 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เฉพาะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 ที่เรียนกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 10 แผน ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.00 2) ชุดการสอน จำนวน 10 ชุด ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.60 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่า 0.20-0.80 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8906 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 21 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่า 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8554 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design สอบก่อนการทดลอง (Pre-test) สอนโดยใช้ชุดการสอน (Treatment) และสอบหลังการทดลอง (Post-test ) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ IOC หาค่าค่าความสอดคล้อง/ความเที่ยงตรง (Validity) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) หาค่าความเหมาะสมของชุดการสอน/แผนการจัดการเรียนรู้ และแบบสอบถามความพึงพอใจ ใช้สถิติ E1/E2 หาประสิทธิภาพของชุดการสอน ใช้ t-test ทดสอบเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และทดสอบเปรียบเทียบความพึงพอใจของนักเรียน ใช้สถิติ E.I. วิเคราะห์ดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน ใช้สถิติของแบรนแนน (Brennan) หาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติตามวิธีของโลเวท (Lovett) หาความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทั้งฉบับ (rcc) ใช้ Item–total Correlation สหสัมพันธ์อย่างง่ายของ Pearson หาค่าอำนาจจำแนกแบบสอบถามความพึงพอใจ ใช้สัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) หาค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับของแบบสอบถามความพึงพอใจ และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย (X-bar) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัย พบว่า

1) ประสิทธิภาพของชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (E1/E2) มีค่าเท่ากับ 78.37/75.43 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้

2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้

3) ประสิทธิผลของชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.6333 แสดงว่าชุดการสอนชุดนี้ ทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 63.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้

4) โดยรวมความพึงพอใจของนักเรียนชาย และนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.61) และโดยรวมก่อนเรียนหลังเรียนนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( =3.57) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้

เว็บน่าสนใจ