บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา และจิตตนิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา และจิตตนิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 3) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาและจิตตนิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่กําลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนกุงเจริญพิทยาคม จํานวน 31 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการขยายผลการวิจัยเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง จํานวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดทักษะการแก้ปัญหา แบบวัดจิตตนิสัยของนักเรียน และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบ การเรียนการสอน วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่แบบไม่อิสระและแบบอิสระและการวิเคราะห์ เนื้อหา

ผลการวิจัย พบว่า

1. รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาและจิตตนิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา มีชื่อว่า “PPFIC Model” มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน และเงื่อนไขการนํารูปแบบไปใช้ กระบวนการเรียนการสอนมี 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นเตรียมความพร้อม (Preparation: P) 2) ขั้นการค้นพบปัญหา (Problem Finding: P) 3) ขั้นการค้นหาวิธีในการแก้ปัญหา (Finding to solve problem : F) 4) ขั้นการดำเนินการแก้ปัญหา (Implementation: I) และ 5) ขั้นการกระทำอย่างชำนาญ (Complex Overt Response: C) โดยที่รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาและจิตตนิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา (PPFIC Model) ที่พัฒนาขึ้นมานี้มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.42/86.97 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กําหนดไว้

2. หลังการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน นักเรียนมีทักษะในการแก้ปัญหาและจิตตนิสัย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. ทักษะการแก้ปัญหาและจิตตนิสัยของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาระหว่างเรียน

4. ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด

5. ผลการขยายผล พบว่าหลังการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน นักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาและจิตตนิสัย สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทักษะการแก้ปัญหาและจิตตนิสัยของนักเรียนพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาระหว่างเรียน และความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด

เว็บน่าสนใจ