บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PELAE ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์
เรื่อง ไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๕
เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
ผู้ศึกษา นางศิริลักษณ์ ทองศรีนุ่น
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อเป็นการประเมินผลรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ดาเนินการโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยศึกษาและวิเคราะห์นโยบายพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แนวคิด ทฤษฎี หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพทุธศักราช 2551 ความต้องการของนักเรียน และความต้องการของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 18 แผนการเรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียนชุดการสอนวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลการคิดวิเคราะห์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ จากนั้นตรวจสอบความเหมาะสมและความสอดคล้องโดยผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 ท่าน เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ของรูปแบบการเรียนรู้ โดยนา แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ไปทาการศึกษาทดลองกับกลุ่มภาคสนาม นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการเรียนรู้และเครื่องมือประกอบรูปแบบการเรียนรู้ให้มีความเหมาะสม จากนั้นนารูปแบบและเครื่องมือประกอบรูปแบบการเรียนรู้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 ท่าน ตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบ แล้วนาข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้รูปแบบการเรียนรู้และเครื่องมือประกอบรูปแบบการเรียนรู้มีความสมบูรณ์ ก่อนนาไปใช้จริง ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยนา
รูปแบบการเรียนรู้ไปทดลองใช้ โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและทดสอบหลัง (One-Group Pretest-Posttest Design) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี อาเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จานวน 40 คน เป็นห้องเรียนที่ได้ทาการคละผู้เรียนประกอบด้วยกลุ่มที่เรียนอ่อน ปานกลางและเก่ง ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบจานวน 18 แผนการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม 24 ชั่วโมง (รวมทดสอบก่อนและหลังเรียน) หาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.47/81.44และขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอนวิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยนารูปแบบการเรียนรู้ไปใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6/1 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2562 จานวน 40 คน เป็นห้องเรียนที่ได้ทาการคละผู้เรียนประกอบด้วยกลุ่มที่เรียนอ่อน ปานกลางและเก่ง ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ จานวน 14 แผนการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม 24ชั่วโมง (รวมทดสอบก่อนและหลังเรียน) โดยพิจารณาจากผลการคิดวิเคราะห์ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ร่วมกับโรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี อาเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( X ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ค่า t-test แบบ dependent และวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) โดยการนาเสนอแบบพรรณนาบทความ
สรุปผลการศึกษา
จากการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PELAE ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สรุปผลได้ดังนี้
1. ข้อมูลพื้นฐานสาหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยได้มาจากการศึกษาและวิเคราะห์นโยบายพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แนวคิด ทฤษฎี หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ความต้องการของผู้เรียน และความต้องการของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ พบว่า การจัดการศึกษาควรสอดคล้องกับสภาพความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคล สังคมไทย ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีจิตสานึกในความเป็นไทย มีระเบียบวินัยคานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้รายบุคคลและโดยส่วนรวม ร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็น ส่งผลต่อการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีองค์ประกอบดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมความพร้อมผู้เรียน (Prepare learners) ขั้นตอนที่ 2 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ขั้นตอนที่ 3 ขั้นเรียนรู้สิ่งใหม่(Lean something new) ขั้นตอนที่ 4 ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ (Application of Knowledge) ขั้นตอนที่ 5 ขั้นการประเมินผล (Evaluation) ผลการสอบถามความเหมาะสมและความสอดคล้องขององค์ประกอบของรูปแบบการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่ารูปแบบการเรียนรู้แบบ PELAE ร่วมกับชุดการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต มีระดับความ
เหมาะสมมากที่สุด (X = 4.74, SD = 0.09) และค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.00และค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.00
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ PELAE ร่วมกับชุดการสอนวิทยาศาสตร์ วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ประสิทธิภาพคะแนนระหว่างเรียน (E1) ซึ่งเป็นค่าร้อยละของผลคะแนนรวมในระหว่างเรียนโดยทาบัตรใบกิจกรรม บัตรใบงาน บัตรแบบฝึกทักษะ แบบทดสอบหลังเรียนในชุดการสอน) และค่าประสิทธิภาพการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน(E2) มีค่าเท่ากับ 82.47/81.44
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้แบบ PELAE ร่วมกับชุดการสอน
วิทยาศาสตร์ วิชาฟิสิกส์ เรื่องไฟฟ้าสถิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีรายละเอียดดังนี้
1) ผลการเปรียบเทียบผลการคิดวิเคราะห์ก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้
แบบ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้มีผลการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการ
เรียนรู้แบบ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้แบบ สาหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X = 4.42, SD =