ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิด
สร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย นางนิตยา พรมกอง
โรงเรียน บัวใหญ่ ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้
แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับ
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ
4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียน
ที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ทั้งนี้เนื่องจากโรงเรียนใช้วิธีการจัดห้องเรียนแบบคละความสามารถของนักเรียน นักเรียนแต่ละห้องมีผลการเรียนไม่แตกต่างกัน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีจำนวน 4 ชนิด คือ
1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.28 -0.72 หาค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.33-0.67 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.81
3) แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นแบบอัตนัย จำนวน 3 ข้อ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.55 0.68 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.43 0.82 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนมีต่อรูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบมาตราประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.33-0.71 และค่าความเชื่อมั่น ( ) เท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
และการทดสอบค่าที (t-test for Dependent Sample)
ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ยังคำนึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นสำคัญนั่นคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี การสื่อสารและการร่วมมือ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชำคมโลกได้ ทั้งนี้การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ พร้อมที่จะประกอบอาชีพเมื่อจบการศึกษา หรือสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นสถานศึกษาควรจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน
2. รูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีขั้นดำเนินการ 6 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นการกระตุ้นความพร้อม (Encouragement and Preparation : E) ขั้นที่ 2 ขั้นการทบทวนความรู้เดิม (Reviewing knowledge : R) ขั้นที่ 3 ขั้นการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียนและกลุ่ม (Students self learning : S) ขั้นที่ 4 ขั้นการนำเสนอปัญหาปลายเปิด (Posing open-ended problem : P) ขั้นที่ 5 ขั้นการนำเสนอแนวคิดในการแก้ปัญหา (Presentation how to solve the problems : P) ขั้นที่ 6 ขั้นสรุปและประยุกต์ใช้ความรู้ (Summarization and application of knowledge: S) มีประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการเรียนการสอน เท่ากับ 85.29/83.53 เมื่อเทียบกับเกณฑ์
80/80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนแบบเปิด (Open approach) ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในระดับมากที่สุด
(x̄ =4.82,S.D.=0.68 )