ชื่อเรื่อง การพัฒนาศักยภาพครูด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการจัด
การเรียนรู้ โรงเรียนมัธยมประดู่วัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อผู้วิจัย นายธาดา ตามเมืองปัก
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการจัด การเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู โรงเรียนมัธยมประดู่วัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และเพื่อพัฒนาความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยดำเนินการพัฒนา 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เป็นขั้นตอนการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู โรงเรียนมัธยมประดู่วัฒนา และศึกษาความต้องการในการพัฒนาความสามารถของครู ในการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โรงเรียนมัธยมประดู่วัฒนา ระยะที่ 2 พัฒนาความสามารถของครู โรงเรียนมัธยมประดู่วัฒนา ในการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน เป็นการพัฒนาความสามารถในการพัฒนา การจัดการเรียนรู้ด้วยการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน และผู้สอนนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติจริงในห้องเรียน กลุ่มเป้าหมายในการพัฒนา คือ ครูผู้สอน จำนวน 14 คน โรงเรียนมัธยมประดู่วัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 วิเคราะห์ข้อมูลใช้การทดสอบค่า t-test และโปรแกรมสำเร็จรูปวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบันปัญหาการพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการ ในชั้นเรียน พบว่า 1) ด้านองค์ความรู้ความเข้าใจของครู โรงเรียนจัดอบรมครูให้มีความรู้ใน
การทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน แต่ครูเห็นว่าความรู้ที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาสู่การปฏิบัติจริงได้
2) ด้านเวลาสำหรับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ครูดำเนินการทำนอกเวลาการเรียนการสอน
ตามแผน มีงานประจำในหน้าที่มาก 3) ด้านเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์สำหรับการวิจัยปฏิบัติการ ในชั้นเรียน มีการอำนวยความสะดวกในการสร้างสื่อ ให้บริการด้านการพิมพ์เอกสารที่เกี่ยวข้อง
กับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน แต่เอกสาร ตำรา วารสาร งานวิจัย ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำ
วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนยังไม่เพียงพอ และ 4) ด้านการส่งเสริมสนับสนุนจากผู้บริหารมีการจัด
งบประมาณในการเข้าประชุม อบรม สัมมนา ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน แต่ขาดการนิเทศติดตามเป็นระบบ
2. ความต้องการในการพัฒนา พบว่า ครูเคยผ่านการอบรมวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ทุกคน แต่ไม่สามารถนำความรู้มาสู่การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนได้ จึงทำให้ครูมีความต้องการ เข้ารับการพัฒนาทุกคน เนื้อหาต้องการคือ ความรู้ในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยเฉพาะการเขียนรายงานการวิจัย และการประเมินผลการแก้ปัญหา การฝึกอบรมควรเป็นการฝึกปฏิบัติ มีรูปแบบที่ง่ายต่อการเข้าใจ เวลาควรอยู่ระหว่าง 3 วัน และควรมีผู้รู้ให้การนิเทศติดตามเป็นระยะ
3. ผลพัฒนาความสามารถของครู ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ วิจัยปฏิบัติการ พบว่า 1) ค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนหลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ค่าเฉลี่ยของคะแนนเจตคติต่อการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู หลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 3) ค่าเฉลี่ยของคะแนนพฤติกรรมในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูหลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนี้ พบว่า ครูผู้สอนที่ผ่านการพัฒนาสามารถทำการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ได้เสร็จครบทุกกระบวนการ คิดเป็นร้อยละ100 และคุณภาพของรายงานการทำการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนส่วนใหญ่มีระดับคุณภาพสูง คิดเป็นร้อยละ 71.43