ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้
ปัญหาเป็นฐาน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่าง
มีวิจารณญาณ เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นางจิรพงษ์ มณีกูล
หน่วยงาน โรงเรียนเกษตรสมบูรณ์วิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ 2) พัฒนาและหาประสิทธิภาพ 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 4) ประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเกษตรสมบูรณ์วิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 คัดเลือกโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 33 คน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ผู้วิจัยสร้างขึ้นจำนวน 18 ชั่วโมง โดยผู้วิจัยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ RE-DEE Model ในขั้นการจัดการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วยขั้นจัดการเรียนรู้ทั้งหมด 5 ขั้น คือ 1. ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม (Reviewing : R) 2. ขั้นสร้างความสนใจและสำรวจค้นหา (Engagement & Exploration : E) 2.1กำหนดปัญหา (Define a problem) 2.2 ทำความเข้าใจกับปัญหา (Identify) 2.3 ดำเนินการศึกษาค้นคว้า (Brainstorm solutions) 2.4 สังเคราะห์ความรู้ (Make and test the best solution) 3. ขั้นอธิบาย ขยายความรู้ และลงข้อสรุป (Demonstrate : D) 4. ขั้นประเมินค่าและประเมินผล (Evaluation : E) 5. ขั้นนำเสนอและนำความรู้ไปใช้ (Exhibit & Extension : E)
2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบทดสอบความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบทีแบบไม่อิสระ
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียน ครู และผู้เกี่ยวข้องมีความคิดเห็นว่าข้อมูลและนำผลที่ได้มาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณเรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ทั้งในด้านรูปแบบ เนื้อหา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นใบความรู้ ใบกิจกรรม ใบงาน และแบบทดสอบ และการวัดผลและประเมินผล
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง
การสังเคราะห์ด้วยแสง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สร้างขึ้นมีค่าประสิทธิภาพ 80.11/81.75
3. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณเรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
วัดความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังจากจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.24 คิดเป็นร้อยละ 84.13 และมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 81.72/82.50 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณเรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยรวมอยู่ในระดับมาก