ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเร

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ของโรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) จำนวน 37 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทีแบบไม่อิสระ (t – test Dependent Samples)

ผลการวิจัยพบว่า

1. การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ พบว่าควรพัฒนานักเรียนให้สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง ฝึกให้นักเรียนได้คิด สังเกต ลงมือปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ แก้ปัญหาและหาคำตอบในสิ่งที่สงสัย โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ และจัดสภาพการณ์ของการเรียนรู้ ให้นักเรียนได้ร่วมมือกันคิดแก้ปัญหาและสามารถนำไปสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมได้

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นี้มีชื่อเรียกว่า “3PE Model” มีองค์ประกอบคือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหาขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ ปัจจัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ระบบสังคม หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ 1) ชวนคิดตั้งคำถาม (Learning to Problems & Questions : P) 2) ตามติดเร่งค้นหา (Learning to Exploration : E) 3) พาคิด with STEM (Learning to Plan & Design : P) 4) เร่งรู้ลงมือทำ (Learning to Experimental : E) 5) แนะนำสิ่งที่คิด(Learning to Presentation : P) 6) ร่วมคิดพัฒนา (Learning to Extention & Development : E)

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เท่ากับ 81.59/82.43 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

4. ผลประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีรายละเอียดดังนี้

4.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ 5 เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ ก่อนและหลังเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4.2 ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ วิชาวิทยาศาสตร์ 5 เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

4.3 ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ครูกุ้ง : [29 ส.ค. 2563 เวลา 14:36 น.]
อ่าน [3591] ไอพี : 134.236.248.147
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,618 ครั้ง
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี

เปิดอ่าน 45,413 ครั้ง
"กระทุ่ม" ดอกหอมเป็นยา
"กระทุ่ม" ดอกหอมเป็นยา

เปิดอ่าน 13,730 ครั้ง
หยุดทำร้ายเด็กไทยโดยใช้ผลการสอบ O-NET ตัดสินเลื่อนชั้น(ได้-ตก)
หยุดทำร้ายเด็กไทยโดยใช้ผลการสอบ O-NET ตัดสินเลื่อนชั้น(ได้-ตก)

เปิดอ่าน 2,689 ครั้ง
การเป็นพลเมืองที่ดี
การเป็นพลเมืองที่ดี

เปิดอ่าน 78,872 ครั้ง
ครูไทย 4.0 ตอนที่ 1 : โดย ดิเรก พรสีมา อดีตประธานกรรมการคุรุสภา
ครูไทย 4.0 ตอนที่ 1 : โดย ดิเรก พรสีมา อดีตประธานกรรมการคุรุสภา

เปิดอ่าน 20,043 ครั้ง
วันพืชมงคล พระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
วันพืชมงคล พระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

เปิดอ่าน 8,937 ครั้ง
ประทับใจ! คลิปช่วยลูกช้างขึ้นจากหลุม ก่อนวิ่งหาแม่ด้วยความดีใจ
ประทับใจ! คลิปช่วยลูกช้างขึ้นจากหลุม ก่อนวิ่งหาแม่ด้วยความดีใจ

เปิดอ่าน 9,818 ครั้ง
อากาศแบบนี้จะปกป้องผิวหน้าอย่างไรดี?
อากาศแบบนี้จะปกป้องผิวหน้าอย่างไรดี?

เปิดอ่าน 107,916 ครั้ง
การกำเนิดของศาสนาพราหมณ์
การกำเนิดของศาสนาพราหมณ์

เปิดอ่าน 19,073 ครั้ง
หลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะครูแนวใหม่หวังฉุดการศึกษาไทยให้สูงขึ้น?
หลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะครูแนวใหม่หวังฉุดการศึกษาไทยให้สูงขึ้น?

เปิดอ่าน 15,772 ครั้ง
สำเร็จครั้งแรก! นำเชื้อธรรมชาติเพาะ ‘เห็ดโคนคอนโด’
สำเร็จครั้งแรก! นำเชื้อธรรมชาติเพาะ ‘เห็ดโคนคอนโด’

เปิดอ่าน 18,641 ครั้ง
ฮอร์โมน : ชีววิทยา
ฮอร์โมน : ชีววิทยา

เปิดอ่าน 12,395 ครั้ง
ต้นแบบการจัดการศึกษา ประเทศสิงคโปร์ (พากย์ไทย)
ต้นแบบการจัดการศึกษา ประเทศสิงคโปร์ (พากย์ไทย)

เปิดอ่าน 11,003 ครั้ง
วิธีถนอม Handy drive สุดรัก
วิธีถนอม Handy drive สุดรัก

เปิดอ่าน 12,135 ครั้ง
กรมสุขภาพจิตเตือน! คนไทยระวังเป็นโรค “ขาดมือถือไม่ได้”
กรมสุขภาพจิตเตือน! คนไทยระวังเป็นโรค “ขาดมือถือไม่ได้”

เปิดอ่าน 11,270 ครั้ง
ทายนิสัยจากคำนาม ที่คุณเรียกแทนชื่อตัวเอง
ทายนิสัยจากคำนาม ที่คุณเรียกแทนชื่อตัวเอง
เปิดอ่าน 9,344 ครั้ง
ความพร้อมด้านไอซีทีของประเทศไทย แค่อันดับสามของอาเซียน
ความพร้อมด้านไอซีทีของประเทศไทย แค่อันดับสามของอาเซียน
เปิดอ่าน 2,856 ครั้ง
นัยสำคัญยุทธศาสตร์การศึกษาในพลวัตศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นประชาคมอาเชียน อย่างยั่งยืนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไทย
นัยสำคัญยุทธศาสตร์การศึกษาในพลวัตศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นประชาคมอาเชียน อย่างยั่งยืนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไทย
เปิดอ่าน 8,389 ครั้ง
ที่เกาหลีใต้? เขาฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจด้วยถนนแห่งปัญญา
ที่เกาหลีใต้? เขาฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจด้วยถนนแห่งปัญญา
เปิดอ่าน 40,411 ครั้ง
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ