ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

ชื่อผู้ศึกษา นางเสาวนีย์ เสียงหอม

โรงเรียน โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช

ปีการศึกษา 2562

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาบริบทสภาพปัจจุบัน และความต้องการในการจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนา และหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเนื้อหาสาระ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต้องการวัด และนำไปใช้ การดำเนินการวิจัยดำเนินการตามขั้นตอนของการวิจัย และพัฒนา (Research and Development) 4 ขั้นตอน คือ ขันตอนที่ 1 การวิจัย (Research : R1) ขั้นตอนนี้เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Analysis : A) : สภาพปัจจุบันและความต้องการเกี่ยวกับการสอนด้วยรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ผู้วิจัยได้สำรวจ และวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและความต้องการเกี่ยวกับการสอนด้วยรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเชิงนโยบายการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับทักษะการคิดแก้ปัญหา วิเคราะห์มาตรฐาน และตัวชี้วัดหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สังเคราะห์แนวคิด หลักการทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการสอน และทฤษฎีการเรียนรู้ มีกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2561 จำนวน 10 คน ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) เป็นการออกแบบและพัฒนา (Design and Development : D & D) : การพัฒนา และหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะ การคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้พัฒนาและหาคุณภาพประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน โดยนำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 มาพัฒนาเป็นโครงร่างรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนารูปแบบและด้านการสอนคณิตศาสตร์ จำนวน 5 คน ตรวจสอบคุณภาพของโครงร่างรูปแบบการสอน และเครื่องมือประกอบการใช้รูปแบบ และนำไปทดลองใช้ (Tryout) กับกลุ่มนักเรียนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ และหาประสิทธิภาพก่อนนำไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย (Research : R2) เป็นการนำไปใช้ (Implementation : I) : เป็นการทดลองใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการใช้รูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ในขั้นนี้ผู้วิจัยนำร่างรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว ทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน (The One - Group Pretest - Posttest Design) และขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา (Development : D2) เป็นการประเมินผล (Evaluation : E) : เป็นการประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการสอนที่พัฒนา ทักษะการคิดแก้ปัญหา การดำเนินการวิจัย ในขั้นตอนนี้ เป็นการนำผลการทดลองใช้รูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้น ในขั้นตอนที่ 3 ซึ่งเป็นผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของรูปแบบ ได้แก่ ทักษะการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนก่อน และหลังการใช้รูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 รวมทั้งความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยกลุ่มตัวอย่างของเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จำนวน 42 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) การทดสอบค่าที (T -Test Dependent Samples)

สรุปผลการวิจัย

1. สภาพปัจจุบันครูมีการจัดการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (X ̅ = 2.89, S.D. = .06) เมื่อพิจารณารายด้าน ด้านครูผู้สอน พบว่า สภาพปัจจุบันครูมีการจัดการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาในภาพรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง (X ̅ = 2.76, S.D. = .16) ด้านการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (X ̅ = 2.95, S.D. = .11) ด้านความต้องการ ครูมีความต้องการในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.60, S.D. = .12) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านครูผู้สอนพบว่า ครูมีความต้องการ ในการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.67, S.D. = .17) ด้านการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา พบว่า การจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.57, S.D. = .14)

2. รูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วย องค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนการเรียนการสอนตามรูปแบบ ประกอบด้วยขั้นตอนการจัดกิจกรรม 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอบทเรียน ขั้นที่ 3 ขั้นจัดกิจกรรมการสอนเพื่อฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหา ขั้นที่ 4 ขั้นนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ขั้นที่ 5 ขั้นสรุป และประเมินผล 4) ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนรู้ตามรูปแบบ และ 5) การประเมินผลรูปแบบ ผลการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการสอนคณิตศาสตร์ จำนวน 9 คน ได้ค่าความเหมาะสม/สอดคล้อง มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.54, S.D = .15) และค่าเฉลี่ย (X ̅) ตั้งแต่ 4.22 – 4.78 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ตั้งแต่ .44 - .87 ซึ่งแสดงว่ารูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสม/สอดคล้อง เชิงโครงสร้าง สามารถนำไปทดลองใช้ได้ และผลการหาประสิทธิภาพ (E1/E2) โดยการทดลองภาคสนาม (Field Tryout) ได้ค่าประสิทธิภาพของรูปแบบ การสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา เท่ากับ 83.52/82.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า หลังการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะ การคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมีความสามารถในด้านทักษะการคิดแก้ปัญหา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.53, S.D = .18)

โพสต์โดย กุ๊ก : [14 ก.พ. 2564 เวลา 10:20 น.]
อ่าน [63205] ไอพี : 171.6.232.8
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,831 ครั้ง
ปี 2558 จะยาวขึ้น 1 วินาที เพราะโลกหมุนช้าลง
ปี 2558 จะยาวขึ้น 1 วินาที เพราะโลกหมุนช้าลง

เปิดอ่าน 26,424 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือน (ฉบับที่3)
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือน (ฉบับที่3)

เปิดอ่าน 12,372 ครั้ง
เหนือกว่า
เหนือกว่า 'กิมจิฟีเวอร์' 'ศัลยกรรมไทย'

เปิดอ่าน 16,728 ครั้ง
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"

เปิดอ่าน 20,483 ครั้ง
ข่าวดีผู้ชอบดื่ม "ชา" ไม่ใช่แค่ดื่มเท่ห์ๆ แต่ดีต่อสุขภาพ
ข่าวดีผู้ชอบดื่ม "ชา" ไม่ใช่แค่ดื่มเท่ห์ๆ แต่ดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 14,603 ครั้ง
กิน "ผัก" เหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร?
กิน "ผัก" เหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร?

เปิดอ่าน 10,044 ครั้ง
เชื้อโควิดอยู่ในร่างกายได้กี่วัน หายป่วยแล้วยังแพร่เชื้อได้อีกหรือไม่
เชื้อโควิดอยู่ในร่างกายได้กี่วัน หายป่วยแล้วยังแพร่เชื้อได้อีกหรือไม่

เปิดอ่าน 117,246 ครั้ง
การหาประสิทธิภาพสื่อ
การหาประสิทธิภาพสื่อ

เปิดอ่าน 15,459 ครั้ง
วิธีลับในการหาข้อมูลจาก Google
วิธีลับในการหาข้อมูลจาก Google

เปิดอ่าน 85,567 ครั้ง
ประวัติโทรทัศน์ไทย
ประวัติโทรทัศน์ไทย

เปิดอ่าน 7,731 ครั้ง
"หรือฉันจะเป็นแม่ที่แย่ที่สุด" คลิปดูแล้วอาจจะน้ำตาไหล โดยเฉพาะคนเป็นแม่
"หรือฉันจะเป็นแม่ที่แย่ที่สุด" คลิปดูแล้วอาจจะน้ำตาไหล โดยเฉพาะคนเป็นแม่

เปิดอ่าน 23,081 ครั้ง
สรรพากร เผย รายการลดหย่อนภาษี ปี 2559 "ชุดใหญ่ ไฟกระพริบ"
สรรพากร เผย รายการลดหย่อนภาษี ปี 2559 "ชุดใหญ่ ไฟกระพริบ"

เปิดอ่าน 14,306 ครั้ง
ย่านางแดง พืชน่าสนใจ มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง
ย่านางแดง พืชน่าสนใจ มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง

เปิดอ่าน 44,697 ครั้ง
ประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์ไทย

เปิดอ่าน 9,524 ครั้ง
การประยุกต์สถิติในชีวิตประจำวัน
การประยุกต์สถิติในชีวิตประจำวัน

เปิดอ่าน 31,797 ครั้ง
ทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ประชากรรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้และมีทักษะอะไรบ้าง
ทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ประชากรรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้และมีทักษะอะไรบ้าง
เปิดอ่าน 13,850 ครั้ง
ชำแหละ"กล้องสปาย"สู่ขบวนการทุจริตสอบแพทย์
ชำแหละ"กล้องสปาย"สู่ขบวนการทุจริตสอบแพทย์
เปิดอ่าน 49,200 ครั้ง
เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา
เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา
เปิดอ่าน 44,386 ครั้ง
7-11 สาขาแรกอยู่ที่ไหน
7-11 สาขาแรกอยู่ที่ไหน
เปิดอ่าน 21,768 ครั้ง
รายงานผลการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก
รายงานผลการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ