ครูบ้านนอก

แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของครูโรงเรียนเทศบาล ๑๐ (อนุบาลเทศบาลเมืองสระบุรี) มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้แบบ บูรณาการของครูโรงเรียนเทศบาล ๑๐ (อนุบาลเทศบาลเมืองสระบุรี) 2) เพื่อศึกษาแนวทาง การพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของครูโรงเรียนเทศบาล ๑๐ (อนุบาลเทศบาลเมืองสระบุรี) 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของครูโรงเรียนเทศบาล ๑๐ (อนุบาลเทศบาลเมืองสระบุรี) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูผู้ปฏิบัติการสอนในโรงเรียนเทศบาล ๑๐ (อนุบาลเทศบาลเมืองสระบุรี) สังกัดเทศบาลเมืองสระบุรี จำนวน 36 คน โดยใช้หลักการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) 4 ขั้นตอน PAOR ร่วมกับเทคนิคการนิเทศแบบโค้ชชิ่ง (Coaching Techniques) 2 วงรอบ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ เอกสารงานวิจัยแบบทดสอบ แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกตแบบบันทึก และแบบประเมินสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการทดสอบก่อนการประชุมเชิงปฏิบัติการของครูมีคะแนนเฉลี่ย7.75 คิดเป็น ร้อยละ 38.06 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.48 ซึ่งแสดงว่าครูแต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับต่ำ และผลการทดสอบหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ ครูมีคะแนนเฉลี่ย 17.31 คิดเป็น ร้อยละ 86.53 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.01 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครูมีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการอยู่ในระดับดีมาก หรือหากพิจารณาคะแนนเฉลี่ยจะพบว่า หลังการประชุมเชิงปฏิบัติการสูงกว่า ก่อนการประชุมเชิงปฏิบัติการ

2. การพัฒนาครูให้มีความสามารถจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการตามรูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการตามขั้นตอน PAOR ร่วมกับเทคนิคการนิเทศแบบโคชชิ่ง (Coaching Techniques) และผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการของครูที่เข้ารับการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการมีรายละเอียด ดังนี้

2.1 ผลการพัฒนาในวงรอบที่ 1 โดยใช้หลักการวิจัยปฏิบัติการประชุมเชิงปฏิบัติการ มี 2 กิจกรรมได้แก่ 1) การบรรยายให้ความรู้ 2) การฝึกปฏิบัติ และการนิเทศ 3 กิจกรรม ได้แก่การให้คำปรึกษา และแนะนำ การสังเกตการสอนของครูการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งสามารถพัฒนาครูทั้งหมดให้มีความรู้ความสามารถจัดทำหน่วยการเรียนรู้ เขียนแผน การจัดการเรียนรู้ และปฏิบัติการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้ แต่พบว่าครูยังมีความวิตกกังวล และไม่มั่นใจในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเฉพาะด้านการวัด เครื่องมือการวัดและประเมินผลวิธีการ ยังไม่เป็นไปตามวิธีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง เกณฑ์การวัดยังไม่ชัดเจน เครื่องมือยังไม่หลากหลาย การวัดประเมินผลยังไม่ครอบคลุมพฤติกรรมทั้ง 3 ด้านของผู้เรียน ได้แก่ ด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผู้เรียนยังไม่มีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล ผู้วิจัยและครูได้ประชุมปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาที่ประชุมมีมติให้มีการพัฒนาในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ด้านการวัด และประเมินผลตามสภาพจริงด้วยการนิเทศ อีกในวงรอบที่ 2 และผู้วิจัยได้จัดหาเอกสารเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ตัวอย่างแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการการวัด และประเมินผลตามสภาพจริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาในวงรอบที่ 2

2.2 ผลการพัฒนาในวงรอบที่ 2 โดยใช้หลักการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) 4 ขั้นตอน PAOR ร่วมกับเทคนิคการนิเทศแบบโคชชิ่ง (Coaching Techniques) จากการสังเกตการสอนในชั้นเรียน การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน การศึกษาเอกสารเพิ่มเติม พบว่า สามารถพัฒนาครูให้มีความสามารถจัดทำหน่วยการเรียนรู้ เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ และปฏิบัติการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้ โดยจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้กระบวนการกลุ่ม มีสื่อการสอนที่ทันสมัยหลากหลาย และเพียงพอ มีแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา วิธีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง เหมาะสมและสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้เนื้อหาสาระเหมาะสมกับผู้เรียน ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวัด และประเมินผล

โดยสรุป การพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของครูโรงเรียน เทศบาล ๑๐ (อนุบาลเทศบาลเมืองสระบุรี) ทั้ง 2 วงรอบ โดยหลักการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) 4 ขั้นตอน PAOR ร่วมกับเทคนิคการนิเทศแบบโคชชิ่ง (Coaching Techniques) ทำให้ครูมีความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการอยู่ในระดับดี มีความสามารถในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ และสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการได้ในระดับที่เหมาะสม

เว็บน่าสนใจ