ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน และส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ

ื่ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน

และส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ

จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563

ผู้รายงาน ว่าที่ร้อยเอกวีรฉัตร โสเจยยะ

ผู้อ านวยการโรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา

ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2563

บทสรุป

รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและ

ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา

ปีการศึกษา 2563 มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม ด้านปัจจัยน าเข้า

ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการ โดยประยุกต์รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP

Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stuftlebeam. 1983 : 169-179) มาใช้ในการประเมิน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ครู จ านวน 15 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จ านวน 107 คน ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่

4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จ านวน 104 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

จ านวน 7 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า

(Rating Scale) 5 ระดับ ทุกฉบับมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ได้ค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง

0.92-0.99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ

ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

ผลการประเมินพบว่า

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อมโครงการ การพัฒนาทักษะ

การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียน

สมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา

ขั้นพื้นฐาน และครู โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มประเมินอยู่ในระดับมากได้คะแนนเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์

การประเมิน เมื่อพิจารณารายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครู มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก

(

X = 4.19, S.D. = 0.75) ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงสุด ได้คะแนน 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

และรองลงมาคือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก

(

X = 4.16, S.D. = 0.77) ได้คะแนน 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านปัจจัยน าเข้าโครงการ การพัฒน าทักษะการอ่าน

การคิดวิเคราะห์การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จ

เจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก

(

X = 4.19, S.D. = 0.76) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ด้านกระบวนการในการ ด าเนินโครงการการพัฒนาทักษะ

การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพ ะโคะ จังห วัดสงขลา ปีการศึกษ า 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ค รู

และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทั้งสามกลุ่มประเมิน อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์

การประเมิน เมื่อพิจารณารายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า นักเรียนมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก

(

X

= 4.32, S.D. = 0.72) มีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงสุด ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

และรองลงมา คือผู้ปกครองมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (

X = 4.28, S.D. = 0.73) ได้คะแนน

20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนครู มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (

X = 4.18, S.D. = 0.76)

มีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมต่ าสุด ได้คะแนน 20 คะแนน ผ่านเกณฑ์การประเมินเช่นกัน

4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิต ได้แก่

4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลผลิตด้านคุณภาพการพัฒน าทักษะการอ่าน

การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จ

เจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง

และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก

ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครอง

มีค่าเฉลี่ยในภาพรวมสูงสุด (

X = 4.33, S.D. = 0.71) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์

การประเมิน รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (

X = 4.32, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน

20 ผ่ าน เกณ ฑ์ ก ารป ร ะเมิน ส่ วน ก ลุ่ม คณ ะก รรมก ารสถ าน ศึ กษ าขั้น พื้ น ฐ าน แล ะค รู

มีค่าเฉลี่ยต่ าสุด (

X = 4.26, S.D. = 0.75, S.D. = 0.73) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่าน

เกณฑ์การประเมินเช่นกัน

4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเกี่ยวกับทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน

และการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ ปีการศึกษา 2563 ตามความ

คิดเห็นของครู และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10

ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด

(

X = 4.36, S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่

กลุ่มครู (

X = 4.25, S.D. = 0.72)อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนา

ทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น

โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู

ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก

ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครอง

มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (

X = 4.32, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (

X = 4.29, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์

การประเมิน และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยต่ าสุด (

X = 4.19,

S.D. = 0.74) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียน ครู

ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์

การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่าน

เกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด

(

X = 4.36, S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่

กลุ่มนักเรียน (

X = 4.34, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยต่ าสุด (

X = 4.24, S.D. = 0.74) อยู่ใน

ระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการน าผลการประเมินไปใช้

1. การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านของ

นักเรียนให้ประสบผลส าเร็จและเกิดความยั่งยืน สถานศึกษาควรมีการสร้างความตระหนักเพื่อสร้าง

ความรู้ความเข้าใจแก่ครูและผู้เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรม มีการจัดท าบันทึกข้อตกลงระหว่างครู และ

ผู้เกี่ยวข้อง เช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานถึง ความส าคัญของ

การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านและ ควรใช้หลักการมี

ส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน อีกทั้งส่งเสริมพัฒนาครูให้ใช้การวิจัยเป็นฐานในการ พัฒนา ให้ค้นหา

รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญใน การพัฒนาที่เน้น

ทักษะ วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ตามศักยภาพของผู้เรียน

ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากมายเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง ชุมชนและเป็นแบบอย่างแก่หน่วยงานอื่นได้

2. หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการด าเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลปลายทางที่

ยั่งยืน โรงเรียนปลอดนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้และเป็นโรงเรียนรักการอ่าน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์

สูงขึ้น มีทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน และนิสัยรักการอ่าน สามารถแสวงหาความรู้ด้วย

ตนเองอย่างเหมาะสมกับวัย อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ครูผู้สอนเป็นครูมืออาชีพในการพัฒนาทักษะ

การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และมีนวัตกรรมเพื่อน าไปประยุกต์ใช้

ได้ตรงตามความจ าเป็นของสังคมปัจจุบัน

3. ผู้บริหารเป็นที่ปรึกษาหรือให้ค าแนะน าให้ความรู้ตลอดจนส่งเสริมในการจัดกิจกรรม

ในโครงการอย่างต่อเนื่องและสร้างขวัญก าลังใจแก่บุคคล มีความยุติธรรม มีความเป็นกลางเป็นที่

ยอมรับตลอดการด าเนินโครงการ มีการนิเทศ ติดตาม ก ากับดูแล ช่วยเหลือและการประเมินผล

เกี่ยวกับการด าเนินงานตามโครงการทั้งเป็นกลุ่มบริหารหัวหน้ากลุ่มสาระและเป็นรายบุคคลแบบ

กัลยาณมิตรโดยเน้นการมีส่วนร่วม

ข้อเสนอแนะในการประเมินหรือวิจัยครั้งต่อไป

1. ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใฝ่รู้ใฝ่เรียนและการมีนิสัยรักการอ่านของ

นักเรียน

2. ควรมีการประเมินโครงการต่าง ๆ ทุกโครงการที่โรงเรียนด าเนินการ โดยประยุกต์ใช้

รูปแบบการประเมินอื่นๆ ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และสารสนเทศที่ต้องการค าตอบ

3. ควรมีการประเมินโครงการในระดับองค์รวมของสถานศึกษา โดยประยุกต์ใช้รูปแบบ

การประเมินของซิปปี (CIPP Model)

โพสต์โดย นู่ปุ้ย : [3 พ.ค. 2564 เวลา 10:01 น.]
อ่าน [2611] ไอพี : 113.53.4.32
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,935 ครั้ง
"รกฟ้า" คืออะไร?
"รกฟ้า" คืออะไร?

เปิดอ่าน 14,157 ครั้ง
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?

เปิดอ่าน 12,417 ครั้ง
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร

เปิดอ่าน 9,620 ครั้ง
อัตลักษณ์ของคนกระทรวงเสมา : อัตลักษณ์วิชาชีพครู
อัตลักษณ์ของคนกระทรวงเสมา : อัตลักษณ์วิชาชีพครู

เปิดอ่าน 42,258 ครั้ง
เทคนิคการพับกล่องแบบมีฝา จากกระดาษไว้สอนนักเรียนครับ
เทคนิคการพับกล่องแบบมีฝา จากกระดาษไว้สอนนักเรียนครับ

เปิดอ่าน 139,924 ครั้ง
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" คืออะไร ทำไมมีราคาแพงและเป็นที่นิยมนัก
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" คืออะไร ทำไมมีราคาแพงและเป็นที่นิยมนัก

เปิดอ่าน 15,553 ครั้ง
สาวเกาหลีเต้น กังนัมสไตล์
สาวเกาหลีเต้น กังนัมสไตล์

เปิดอ่าน 12,249 ครั้ง
แนะปรับกระจก-ท่านั่งเหมาะสม ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
แนะปรับกระจก-ท่านั่งเหมาะสม ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ

เปิดอ่าน 16,259 ครั้ง
ยาธาตุ(กลิ่นซินนามอน) แก้ท้องอืด ปรุงเองได้...ง่ายนิดเดียว
ยาธาตุ(กลิ่นซินนามอน) แก้ท้องอืด ปรุงเองได้...ง่ายนิดเดียว

เปิดอ่าน 12,871 ครั้ง
คลิปการทำให้เสื้อที่ซักเรียบเหมือนรีด ด้วยน้ำแข็งเพียง 3ก้อน
คลิปการทำให้เสื้อที่ซักเรียบเหมือนรีด ด้วยน้ำแข็งเพียง 3ก้อน

เปิดอ่าน 18,092 ครั้ง
อาหารบำรุงผม
อาหารบำรุงผม

เปิดอ่าน 6,375 ครั้ง
โครงการ DifferSheet ออกฟีเจอร์ใหม่ WorkSheet (สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล) ให้ครูใช้ฟรีช่วงโควิด
โครงการ DifferSheet ออกฟีเจอร์ใหม่ WorkSheet (สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล) ให้ครูใช้ฟรีช่วงโควิด

เปิดอ่าน 9,746 ครั้ง
หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดีทันตาเห็น
หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดีทันตาเห็น

เปิดอ่าน 284,072 ครั้ง
รายการคำทับศัพท์รวบรวมจากการสะกดตามราชบัณฑิตยสถาน
รายการคำทับศัพท์รวบรวมจากการสะกดตามราชบัณฑิตยสถาน

เปิดอ่าน 10,758 ครั้ง
8 นิสัยการทานอาหารที่คุณสาว ๆ มักทำพลาด
8 นิสัยการทานอาหารที่คุณสาว ๆ มักทำพลาด

เปิดอ่าน 40,488 ครั้ง
Verbs: Moods
Verbs: Moods
เปิดอ่าน 10,903 ครั้ง
เผยโฉมอินเตอร์เฟซของ Google Pad
เผยโฉมอินเตอร์เฟซของ Google Pad
เปิดอ่าน 11,537 ครั้ง
ชมคลิป ยอดคุณพ่อเวียดนามจับลูกใส่ถุงพลาสติก พาลุยน้ำท่วมไปโรงเรียน
ชมคลิป ยอดคุณพ่อเวียดนามจับลูกใส่ถุงพลาสติก พาลุยน้ำท่วมไปโรงเรียน
เปิดอ่าน 11,077 ครั้ง
ชมคลิป สถานทูตสหรัฐทำคลิปรับวันสงกรานต์
ชมคลิป สถานทูตสหรัฐทำคลิปรับวันสงกรานต์
เปิดอ่าน 16,399 ครั้ง
จริงไหม? ...กินไก่แล้วทำให้ลูกเป็นสาวเร็ว หรือทำให้หน้าอกใหญ่จริงหรือ?
จริงไหม? ...กินไก่แล้วทำให้ลูกเป็นสาวเร็ว หรือทำให้หน้าอกใหญ่จริงหรือ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ