ื่ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน
และส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ
จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563
ผู้รายงาน ว่าที่ร้อยเอกวีรฉัตร โสเจยยะ
ผู้อ านวยการโรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2563
บทสรุป
รายงานการประเมินโครงการ การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและ
ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา
ปีการศึกษา 2563 มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม ด้านปัจจัยน าเข้า
ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการ โดยประยุกต์รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP
Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stuftlebeam. 1983 : 169-179) มาใช้ในการประเมิน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ครู จ านวน 15 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จ านวน 107 คน ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จ านวน 104 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
จ านวน 7 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า
(Rating Scale) 5 ระดับ ทุกฉบับมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ได้ค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง
0.92-0.99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และ
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการประเมินพบว่า
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อมโครงการ การพัฒนาทักษะ
การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียน
สมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน และครู โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มประเมินอยู่ในระดับมากได้คะแนนเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์
การประเมิน เมื่อพิจารณารายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครู มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
(
X = 4.19, S.D. = 0.75) ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงสุด ได้คะแนน 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
และรองลงมาคือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
(
X = 4.16, S.D. = 0.77) ได้คะแนน 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านปัจจัยน าเข้าโครงการ การพัฒน าทักษะการอ่าน
การคิดวิเคราะห์การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จ
เจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
(
X = 4.19, S.D. = 0.76) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ด้านกระบวนการในการ ด าเนินโครงการการพัฒนาทักษะ
การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพ ะโคะ จังห วัดสงขลา ปีการศึกษ า 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ค รู
และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทั้งสามกลุ่มประเมิน อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์
การประเมิน เมื่อพิจารณารายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า นักเรียนมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
(
X
= 4.32, S.D. = 0.72) มีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมสูงสุด ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
และรองลงมา คือผู้ปกครองมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (
X = 4.28, S.D. = 0.73) ได้คะแนน
20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนครู มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (
X = 4.18, S.D. = 0.76)
มีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมต่ าสุด ได้คะแนน 20 คะแนน ผ่านเกณฑ์การประเมินเช่นกัน
4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิต ได้แก่
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลผลิตด้านคุณภาพการพัฒน าทักษะการอ่าน
การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จ
เจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง
และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก
ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครอง
มีค่าเฉลี่ยในภาพรวมสูงสุด (
X = 4.33, S.D. = 0.71) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่านเกณฑ์
การประเมิน รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (
X = 4.32, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน
20 ผ่ าน เกณ ฑ์ ก ารป ร ะเมิน ส่ วน ก ลุ่ม คณ ะก รรมก ารสถ าน ศึ กษ าขั้น พื้ น ฐ าน แล ะค รู
มีค่าเฉลี่ยต่ าสุด (
X = 4.26, S.D. = 0.75, S.D. = 0.73) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 20 ผ่าน
เกณฑ์การประเมินเช่นกัน
4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเกี่ยวกับทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน
และการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ ปีการศึกษา 2563 ตามความ
คิดเห็นของครู และผู้ปกครอง โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10
ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด
(
X = 4.36, S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่
กลุ่มครู (
X = 4.25, S.D. = 0.72)อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนา
ทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น
โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู
ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก
ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครอง
มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (
X = 4.32, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
รองลงมาได้แก่ กลุ่มนักเรียน (
X = 4.29, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์
การประเมิน และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยต่ าสุด (
X = 4.19,
S.D. = 0.74) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียน ครู
ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์
การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โดยใช้เทคนิคบันได 4 ขั้น โรงเรียนสมเด็จเจ้าพะโคะ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่าน
เกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่ากลุ่มผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด
(
X = 4.36, S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาได้แก่
กลุ่มนักเรียน (
X = 4.34, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยต่ าสุด (
X = 4.24, S.D. = 0.74) อยู่ใน
ระดับมาก ได้คะแนน 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการน าผลการประเมินไปใช้
1. การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านของ
นักเรียนให้ประสบผลส าเร็จและเกิดความยั่งยืน สถานศึกษาควรมีการสร้างความตระหนักเพื่อสร้าง
ความรู้ความเข้าใจแก่ครูและผู้เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรม มีการจัดท าบันทึกข้อตกลงระหว่างครู และ
ผู้เกี่ยวข้อง เช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานถึง ความส าคัญของ
การพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและการมีนิสัยรักการอ่านและ ควรใช้หลักการมี
ส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน อีกทั้งส่งเสริมพัฒนาครูให้ใช้การวิจัยเป็นฐานในการ พัฒนา ให้ค้นหา
รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญใน การพัฒนาที่เน้น
ทักษะ วิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ตามศักยภาพของผู้เรียน
ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากมายเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง ชุมชนและเป็นแบบอย่างแก่หน่วยงานอื่นได้
2. หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการด าเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลปลายทางที่
ยั่งยืน โรงเรียนปลอดนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้และเป็นโรงเรียนรักการอ่าน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์
สูงขึ้น มีทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียน และนิสัยรักการอ่าน สามารถแสวงหาความรู้ด้วย
ตนเองอย่างเหมาะสมกับวัย อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ครูผู้สอนเป็นครูมืออาชีพในการพัฒนาทักษะ
การอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขียนและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และมีนวัตกรรมเพื่อน าไปประยุกต์ใช้
ได้ตรงตามความจ าเป็นของสังคมปัจจุบัน
3. ผู้บริหารเป็นที่ปรึกษาหรือให้ค าแนะน าให้ความรู้ตลอดจนส่งเสริมในการจัดกิจกรรม
ในโครงการอย่างต่อเนื่องและสร้างขวัญก าลังใจแก่บุคคล มีความยุติธรรม มีความเป็นกลางเป็นที่
ยอมรับตลอดการด าเนินโครงการ มีการนิเทศ ติดตาม ก ากับดูแล ช่วยเหลือและการประเมินผล
เกี่ยวกับการด าเนินงานตามโครงการทั้งเป็นกลุ่มบริหารหัวหน้ากลุ่มสาระและเป็นรายบุคคลแบบ
กัลยาณมิตรโดยเน้นการมีส่วนร่วม
ข้อเสนอแนะในการประเมินหรือวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใฝ่รู้ใฝ่เรียนและการมีนิสัยรักการอ่านของ
นักเรียน
2. ควรมีการประเมินโครงการต่าง ๆ ทุกโครงการที่โรงเรียนด าเนินการ โดยประยุกต์ใช้
รูปแบบการประเมินอื่นๆ ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และสารสนเทศที่ต้องการค าตอบ
3. ควรมีการประเมินโครงการในระดับองค์รวมของสถานศึกษา โดยประยุกต์ใช้รูปแบบ
การประเมินของซิปปี (CIPP Model)