บทที่ 1
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา
การศึกษามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เยาวชนพัฒนาทั้งทางด้านปัญญาบุคลิกภาพ
และช่วยให้เยาวชนมีความสำเร็จในชีวิต ทุกประเทศจึงหาทางส่งเสริมการศึกษาให้มีคุณภาพ มีมาตรฐานความเป็นเลิศซึ่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กล่าวว่า การจัดกระบวนการเรียนรู้ต้องจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด และความแตกต่างของผู้เรียน ซึ่งจะช่วยพัฒนาผู้เรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยตรง (ขวัญใจ โพธิ์ทองนาค. 2547 : 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่ง ที่บ่งบอกถึงคุณภาพทางการศึกษาและคุณภาพ
ของผู้เรียน ซึ่งนับตั้งแต่กระทรวงศึกษาธิการได้กระจายอำนาจการวัดและประเมินผลทางการศึกษา
สู่ระดับสถานศึกษา การประเมินผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนทั้งในระดับการเรียนการสอน การตัดสินได้ตก
และการอนุมัติความสำเร็จการศึกษาเป็นอำนาจของสถานศึกษาถึงแม้ว่าการจัดการเรียนการสอน
ของสถานศึกษาทั่วประเทศจะใช้หลักสูตรเดียวกันของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ความหลากหลาย
ในทางปฏิบัติเรื่องรูปแบบการเรียนการสอน การใช้สื่ออุปกรณ์ ตลอดจนการวัดและประเมินผลได้เกิดขึ้น
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งในสถานศึกษาต่าง ๆ ภายในภูมิภาคและต่างภูมิภาค การวัดและประเมินผลนั้นเป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของต้นสังกัดระดับต่าง ๆ
ข้อมูลที่ได้จากการประเมินในระดับชั้นที่เข้าทดสอบข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน
ในการตรวจสอบ ทบทวน พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของหน่วยงานที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ
และสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เป็นโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนา
และประสบความสำเร็จในการเรียน
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของไทยที่มีมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันมี 3 กระบวนการ
คือกระบวนการเรียนการสอน กระบวนการบริหาร และกระบวนการนิเทศ การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการนำจุดเน้นคุณภาพผู้เรียนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิผล เพราะการนิเทศการศึกษานอกจากจะเป็นการช่วยเหลือ แนะนำ สร้างความพร้อมให้ครูเกิดความรู้ความเข้าใจในการจัดกระบวนการเรียนรู้แล้ว ยังสามารถกระตุ้น เร่งรัด สนับสนุนให้ครู ผู้บริหาร มีความมั่นใจในการนำจุดเน้นคุณภาพผู้เรียนไปสู่การปฏิบัติ นอกจากนี้การนิเทศการศึกษา
ยังเป็นการติดตาม ตรวจสอบ กำกับและประเมินผลการจัดการศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาชาติ และการนิเทศการศึกษายังมีความสำคัญ ต่อการจัดการศึกษาอีกมากมายหลายอย่าง เช่น การนิเทศการศึกษาช่วยให้ครูเข้าใจหลักสูตร การนำหลักสูตรไปใช้และการจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้หลากหลายรูปแบบ ช่วยให้การดำเนินงานโครงการต่าง ๆ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ศาสตร์แห่งการนิเทศไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ กระบวนการ เทคนิควิธี นั้นมีอยู่มากมายหลากหลาย แต่ในแนวทางการปฏิรูปการศึกษามุ่งให้เกิดการเปลี่ยนที่โรงเรียนเป็นอันดับแรก การจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่โรงเรียนได้ องค์ประกอบสำคัญ คือ ครูผู้สอนต้องเปลี่ยนแปลงทั้งแนวคิดและการจัดการกระบวนการเรียนการสอน โดยเปลี่ยนพฤติกรรมในการบอกความรู้ให้นักเรียน มาเป็นการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนรู้จักคิด รู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ครูต้องตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญของตนเอง สามารถคิดเองลงมือทำเอง และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเสมอ
ศึกษานิเทศก์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะบทบาทของผู้นิเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาครูในการปรับปรุงการเรียนการสอนเพื่อคุณภาพนักเรียนเป็นเป้าหมายสุดท้าย (Harris, Ben M. 1975) บทบาทการนิเทศบุคลากรทางการศึกษาเป็นหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (ปฏิรูปการศึกษา, สำนักงาน. 2545 : 4) รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษา ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงาน เกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการสอน การนิเทศ และการบริการการศึกษาในหน่วยงานการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์กำหนดในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ. 2547 เป็นบุคลากรประเภทบุคลากร ทางการศึกษาอื่น สายงานนิเทศการศึกษา ลักษณะงานโดยทั่วไปให้ปฏิบัติงานการนิเทศการศึกษา ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน รวมทั้งบุคคล หน่วยงานสถาบันต่าง ๆ ที่จัดการศึกษา การศึกษาค้นคว้า การวิเคราะห์วิจัย ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนางานวิชาการและการจัดการศึกษาเพื่อให้สถานศึกษามีความเข้มแข็งในการบริหารงานอย่างมีคุณภาพ มีการกำหนดคุณภาพการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ตามวิทยฐานะ 4 ระดับ คือ มีด้านความรู้ความเข้าใจในหลักการนิเทศการศึกษา หลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ การวัดการประเมินผลการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา ระบบดูแลช่วยเหลือครูและผู้เรียน ความสามารถในการวางแผนนิเทศงานวิชาการ งานติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลการจัดการศึกษา และจัดทำรายงาน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดค้น วิจัยและพัฒนานวัตกรรม นำผลไปใช้ในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาตนและพัฒนาวิชาชีพตามระดับวิทยฐานะ ถ้าวิทยฐานะสูงยิ่งต้องแสดงความสามารถในการวิจัย คิดค้น พัฒนาระดับสูงขึ้น มีทักษะเทคนิคในการนิเทศระดับสูงด้วย ผลการนิเทศของศึกษานิเทศก์
ส่งผลต่อครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้บรรลุเป้าหมายหลักสูตร
มีคุณภาพตามมาตรฐาน (คณะกรรมการข้าราชการครู, สำนักงาน. ม.ป.ป. : 157-162)
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน คุณภาพการจัดการเรียนรู้ เพื่อเป็นการสร้างคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในศตวรรษ
ที่ 21 ให้กับผู้เรียนเพื่อเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าสู่สังคมคุณภาพในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีคุณภาพ จึงได้มีโครงการ TFE (Teams For Education) ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนา
การเรียนรู้ของหน่วยงานทุกระดับ ทุกประเภทส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิด
การเรียนรู้ มีทักษะจำเป็นในการดำรงชีวิตในสังคมคุณภาพยุคศตวรรษที่ 21 โดยมีหน่วยงานในระดับภาคและระดับจังหวัด เป็นศูนย์กลางส่งเสริมการเรียนรู้ การพัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้
ด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาระดับภาคและระดับจังหวัดเพื่อนำไปสู่
การพัฒนายกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ที่ยั่งยืนในอนาคต
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ
การจัดการศึกษาระดับจังหวัด เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเอกภาพ และสามารถประสานเชื่อมโยงและบูรณาการภารกิจ
ในเรื่องการศึกษาของประเทศ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้สอดรับกับแนวทาง
การบริหารงานโดยประชารัฐ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปการศึกษาอันจะส่งผลในการพัฒนาประเทศ
ที่ยั่งยืน ดังนั้นได้รับนโยบายการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามโครงการ TFE (Teams For Education) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบ/
แนวทางการพัฒนานักเรียนที่คะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานแต่ละวิชาต่ำกว่าเกณฑ์คะแนนร้อยละ 50 เพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้ออกแบบแนวทางการดำเนินงานโครงการให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการจากการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) จากแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจังหวัด จากข้อมูลผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของหน่วยงานการศึกษาทุกสังกัดในจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมศึกษา ค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในปัจจัยที่ส่งเสริม สนับสนุนให้การยกระดับคุณภาพการศึกษาเป็นไปด้วยความสำเร็จ และออกแบบเป็นผังองค์ประกอบในการดำเนินงานเสนอคณะทำงานระดับจังหวัดเพื่อปรึกษาหารือแนวทางร่วมกัน ซึ่งได้ข้อสรุปในการยกระดับคุณภาพการศึกษา ปัจจัยที่สนับสนุนการยกระดับคุณภาพการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ศึกษานิเทศก์ ผู้ปกครอง/ชุมชน องค์กรภายนอก สื่อ/แหล่งเรียนรู้ และสภาพแวดล้อม และได้พัฒนารูปแบบการดำเนินงานโครงการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และผลการทดสอบทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ประกอบด้วย ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนารูปแบบ วิพากษ์/ตรวจสอบรูปแบบ คัดเลือกสถานศึกษา ดำเนินการพัฒนา นิเทศ ติดตามรายงานผล แลกเปลี่ยน/ถอดบทเรียน และเผยแพร่ผลงาน ซึ่งที่ประชุมคณะทำงานเห็นชอบด้วยแล้ว
ในกระบวนการพัฒนาคุณภาพการศึกษานั้นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา ถือเป็นกระบวนสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลโดยตรงต่อมาตรฐานการจัดการศึกษา ซึ่งมีนโยบายมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาคุณภาพของการศึกษาให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ จึงทำให้การนิเทศภายในสถานศึกษามีความจำเป็นมากขึ้น และจำเป็นต้องมีรูปแบบการนิเทศ ติดตามและประเมินผลที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการจัดการศึกษาและบริบทของสถานศึกษา การนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาจะเป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการยกระดับคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 6 แห่ง ได้เป็นอย่างดี เพราะการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษาและเป็นกระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายหลักในการช่วยพัฒนาครูให้มีความสามารถในการพัฒนาศักยภาพในการทำงานของตนให้ดีขึ้น ทั้งนี้เพราะการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างครูกับผู้นิเทศเพื่อให้ครูมีขวัญกำลังใจสามารถพัฒนาการทำงานของตนได้ และมีผลต่อการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนต่อไปในที่สุด และในการดำเนินการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาต้องอาศัยรูปแบบการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา หลักการพื้นฐานของการนิเทศ ทักษะการนิเทศ ใช้กิจกรรมการนิเทศที่หลากหลาย และใช้ขั้นตอนการนิเทศตามกระบวนการที่เหมาะสม ผู้รายงานในฐานะที่เป็นศึกษานิเทศก์และผู้รับผิดชอบโครงการ TFE (Teams For Education) มีหน้าที่โดยตรงในการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา ได้ตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็นในการพัฒนาการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาของสำหรับสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) เพื่อส่งผลต่อคุณภาพที่ดีของนักเรียนของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เป็นอย่างมากในปัจจุบัน ข้าพเจ้าในฐานะศึกษานิเทศก์ ซึ่งมีบทบาทในการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการ TFE (Teams For Education) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำรายงานการวิจัยนวัตกรรมการนิเทศการศึกษาเพื่อใช้ประกอบในการดำเนินงานโครงการ TFE (Teams For Education) นั่นคือ รูปแบบการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ ดังภาพประกอบ 1
วัตถุประสงค์ของการประเมิน
ในการวิจัยรูปแบบการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
ผู้วิจัยทำการวิจัย ดังนี้
1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการใช้รูปแบบการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ผลจากการวิจัยในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่ารูปแบบการนิเทศPIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ ในประเด็นต่างๆ ซึ่งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องต่อไปนี้
1. ได้ทราบสภาพการนิเทศ PIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
2. ได้รูปแบบการนิเทศPIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ 3. ข้อมูลจากการศึกษารูปแบบการนิเทศPIPA DE Model ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาภายในสถานศึกษาอย่างได้อย่างมีประสิทธิผลได้