ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รูปแบบการนิเทศ "PIPA DE Model" ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหว

บทที่ 1

บทนำ

ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา

การศึกษามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เยาวชนพัฒนาทั้งทางด้านปัญญาบุคลิกภาพ

และช่วยให้เยาวชนมีความสำเร็จในชีวิต ทุกประเทศจึงหาทางส่งเสริมการศึกษาให้มีคุณภาพ มีมาตรฐานความเป็นเลิศซึ่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กล่าวว่า การจัดกระบวนการเรียนรู้ต้องจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด และความแตกต่างของผู้เรียน ซึ่งจะช่วยพัฒนาผู้เรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยตรง (ขวัญใจ โพธิ์ทองนาค. 2547 : 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่ง ที่บ่งบอกถึงคุณภาพทางการศึกษาและคุณภาพ

ของผู้เรียน ซึ่งนับตั้งแต่กระทรวงศึกษาธิการได้กระจายอำนาจการวัดและประเมินผลทางการศึกษา

สู่ระดับสถานศึกษา การประเมินผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนทั้งในระดับการเรียนการสอน การตัดสินได้–ตก

และการอนุมัติความสำเร็จการศึกษาเป็นอำนาจของสถานศึกษาถึงแม้ว่าการจัดการเรียนการสอน

ของสถานศึกษาทั่วประเทศจะใช้หลักสูตรเดียวกันของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ความหลากหลาย

ในทางปฏิบัติเรื่องรูปแบบการเรียนการสอน การใช้สื่ออุปกรณ์ ตลอดจนการวัดและประเมินผลได้เกิดขึ้น

อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งในสถานศึกษาต่าง ๆ ภายในภูมิภาคและต่างภูมิภาค การวัดและประเมินผลนั้นเป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของต้นสังกัดระดับต่าง ๆ

ข้อมูลที่ได้จากการประเมินในระดับชั้นที่เข้าทดสอบข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน

ในการตรวจสอบ ทบทวน พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของหน่วยงานที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ

และสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เป็นโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนา

และประสบความสำเร็จในการเรียน

การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของไทยที่มีมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันมี 3 กระบวนการ

คือกระบวนการเรียนการสอน กระบวนการบริหาร และกระบวนการนิเทศ การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการนำจุดเน้นคุณภาพผู้เรียนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิผล เพราะการนิเทศการศึกษานอกจากจะเป็นการช่วยเหลือ แนะนำ สร้างความพร้อมให้ครูเกิดความรู้ความเข้าใจในการจัดกระบวนการเรียนรู้แล้ว ยังสามารถกระตุ้น เร่งรัด สนับสนุนให้ครู ผู้บริหาร มีความมั่นใจในการนำจุดเน้นคุณภาพผู้เรียนไปสู่การปฏิบัติ นอกจากนี้การนิเทศการศึกษา

ยังเป็นการติดตาม ตรวจสอบ กำกับและประเมินผลการจัดการศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาชาติ และการนิเทศการศึกษายังมีความสำคัญ ต่อการจัดการศึกษาอีกมากมายหลายอย่าง เช่น การนิเทศการศึกษาช่วยให้ครูเข้าใจหลักสูตร การนำหลักสูตรไปใช้และการจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้หลากหลายรูปแบบ ช่วยให้การดำเนินงานโครงการต่าง ๆ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ศาสตร์แห่งการนิเทศไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ กระบวนการ เทคนิควิธี นั้นมีอยู่มากมายหลากหลาย แต่ในแนวทางการปฏิรูปการศึกษามุ่งให้เกิดการเปลี่ยนที่โรงเรียนเป็นอันดับแรก การจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่โรงเรียนได้ องค์ประกอบสำคัญ คือ ครูผู้สอนต้องเปลี่ยนแปลงทั้งแนวคิดและการจัดการกระบวนการเรียนการสอน โดยเปลี่ยนพฤติกรรมในการบอกความรู้ให้นักเรียน มาเป็นการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนรู้จักคิด รู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ครูต้องตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญของตนเอง สามารถคิดเองลงมือทำเอง และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเสมอ

ศึกษานิเทศก์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะบทบาทของผู้นิเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาครูในการปรับปรุงการเรียนการสอนเพื่อคุณภาพนักเรียนเป็นเป้าหมายสุดท้าย (Harris, Ben M. 1975) บทบาทการนิเทศบุคลากรทางการศึกษาเป็นหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (ปฏิรูปการศึกษา, สำนักงาน. 2545 : 4) รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษา ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงาน เกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการสอน การนิเทศ และการบริการการศึกษาในหน่วยงานการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์กำหนดในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

พ.ศ. 2547 เป็นบุคลากรประเภทบุคลากร ทางการศึกษาอื่น สายงานนิเทศการศึกษา ลักษณะงานโดยทั่วไปให้ปฏิบัติงานการนิเทศการศึกษา ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน รวมทั้งบุคคล หน่วยงานสถาบันต่าง ๆ ที่จัดการศึกษา การศึกษาค้นคว้า การวิเคราะห์วิจัย ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนางานวิชาการและการจัดการศึกษาเพื่อให้สถานศึกษามีความเข้มแข็งในการบริหารงานอย่างมีคุณภาพ มีการกำหนดคุณภาพการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ตามวิทยฐานะ 4 ระดับ คือ มีด้านความรู้ความเข้าใจในหลักการนิเทศการศึกษา หลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ การวัดการประเมินผลการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา ระบบดูแลช่วยเหลือครูและผู้เรียน ความสามารถในการวางแผนนิเทศงานวิชาการ งานติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลการจัดการศึกษา และจัดทำรายงาน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดค้น วิจัยและพัฒนานวัตกรรม นำผลไปใช้ในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาตนและพัฒนาวิชาชีพตามระดับวิทยฐานะ ถ้าวิทยฐานะสูงยิ่งต้องแสดงความสามารถในการวิจัย คิดค้น พัฒนาระดับสูงขึ้น มีทักษะเทคนิคในการนิเทศระดับสูงด้วย ผลการนิเทศของศึกษานิเทศก์

ส่งผลต่อครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้บรรลุเป้าหมายหลักสูตร

มีคุณภาพตามมาตรฐาน (คณะกรรมการข้าราชการครู, สำนักงาน. ม.ป.ป. : 157-162)

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน คุณภาพการจัดการเรียนรู้ เพื่อเป็นการสร้างคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในศตวรรษ

ที่ 21 ให้กับผู้เรียนเพื่อเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าสู่สังคมคุณภาพในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีคุณภาพ จึงได้มีโครงการ “TFE (Teams For Education)” ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนา

การเรียนรู้ของหน่วยงานทุกระดับ ทุกประเภทส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิด

การเรียนรู้ มีทักษะจำเป็นในการดำรงชีวิตในสังคมคุณภาพยุคศตวรรษที่ 21 โดยมีหน่วยงานในระดับภาคและระดับจังหวัด เป็นศูนย์กลางส่งเสริมการเรียนรู้ การพัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้

ด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาระดับภาคและระดับจังหวัดเพื่อนำไปสู่

การพัฒนายกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ที่ยั่งยืนในอนาคต

สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ

การจัดการศึกษาระดับจังหวัด เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเอกภาพ และสามารถประสานเชื่อมโยงและบูรณาการภารกิจ

ในเรื่องการศึกษาของประเทศ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้สอดรับกับแนวทาง

การบริหารงานโดยประชารัฐ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปการศึกษาอันจะส่งผลในการพัฒนาประเทศ

ที่ยั่งยืน ดังนั้นได้รับนโยบายการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามโครงการ TFE (Teams For Education) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบ/

แนวทางการพัฒนานักเรียนที่คะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานแต่ละวิชาต่ำกว่าเกณฑ์คะแนนร้อยละ 50 เพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้ออกแบบแนวทางการดำเนินงานโครงการให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการจากการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) จากแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจังหวัด จากข้อมูลผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของหน่วยงานการศึกษาทุกสังกัดในจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมศึกษา ค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในปัจจัยที่ส่งเสริม สนับสนุนให้การยกระดับคุณภาพการศึกษาเป็นไปด้วยความสำเร็จ และออกแบบเป็นผังองค์ประกอบในการดำเนินงานเสนอคณะทำงานระดับจังหวัดเพื่อปรึกษาหารือแนวทางร่วมกัน ซึ่งได้ข้อสรุปในการยกระดับคุณภาพการศึกษา ปัจจัยที่สนับสนุนการยกระดับคุณภาพการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ศึกษานิเทศก์ ผู้ปกครอง/ชุมชน องค์กรภายนอก สื่อ/แหล่งเรียนรู้ และสภาพแวดล้อม และได้พัฒนารูปแบบการดำเนินงานโครงการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และผลการทดสอบทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ประกอบด้วย ขั้นการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนารูปแบบ วิพากษ์/ตรวจสอบรูปแบบ คัดเลือกสถานศึกษา ดำเนินการพัฒนา นิเทศ ติดตามรายงานผล แลกเปลี่ยน/ถอดบทเรียน และเผยแพร่ผลงาน ซึ่งที่ประชุมคณะทำงานเห็นชอบด้วยแล้ว

ในกระบวนการพัฒนาคุณภาพการศึกษานั้นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา ถือเป็นกระบวนสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลโดยตรงต่อมาตรฐานการจัดการศึกษา ซึ่งมีนโยบายมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาคุณภาพของการศึกษาให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ จึงทำให้การนิเทศภายในสถานศึกษามีความจำเป็นมากขึ้น และจำเป็นต้องมีรูปแบบการนิเทศ ติดตามและประเมินผลที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการจัดการศึกษาและบริบทของสถานศึกษา การนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาจะเป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการยกระดับคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 6 แห่ง ได้เป็นอย่างดี เพราะการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษาและเป็นกระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายหลักในการช่วยพัฒนาครูให้มีความสามารถในการพัฒนาศักยภาพในการทำงานของตนให้ดีขึ้น ทั้งนี้เพราะการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างครูกับผู้นิเทศเพื่อให้ครูมีขวัญกำลังใจสามารถพัฒนาการทำงานของตนได้ และมีผลต่อการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนต่อไปในที่สุด และในการดำเนินการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาต้องอาศัยรูปแบบการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา หลักการพื้นฐานของการนิเทศ ทักษะการนิเทศ ใช้กิจกรรมการนิเทศที่หลากหลาย และใช้ขั้นตอนการนิเทศตามกระบวนการที่เหมาะสม ผู้รายงานในฐานะที่เป็นศึกษานิเทศก์และผู้รับผิดชอบโครงการ TFE (Teams For Education) มีหน้าที่โดยตรงในการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา ได้ตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็นในการพัฒนาการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาของสำหรับสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) เพื่อส่งผลต่อคุณภาพที่ดีของนักเรียนของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เป็นอย่างมากในปัจจุบัน ข้าพเจ้าในฐานะศึกษานิเทศก์ ซึ่งมีบทบาทในการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการ TFE (Teams For Education) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำรายงานการวิจัยนวัตกรรมการนิเทศการศึกษาเพื่อใช้ประกอบในการดำเนินงานโครงการ TFE (Teams For Education) นั่นคือ รูปแบบการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ ดังภาพประกอบ 1

วัตถุประสงค์ของการประเมิน

ในการวิจัยรูปแบบการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์

ผู้วิจัยทำการวิจัย ดังนี้

1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์

2. เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์

3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์

4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการใช้รูปแบบการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

ผลจากการวิจัยในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่ารูปแบบการนิเทศ“PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ ในประเด็นต่างๆ ซึ่งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องต่อไปนี้

1. ได้ทราบสภาพการนิเทศ “PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์

2. ได้รูปแบบการนิเทศ“PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ 3. ข้อมูลจากการศึกษารูปแบบการนิเทศ“PIPA DE Model” ที่ส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในโครงการ TFE (Teams For Education) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาภายในสถานศึกษาอย่างได้อย่างมีประสิทธิผลได้

โพสต์โดย ปุ๊กกี้ : [6 ส.ค. 2564 เวลา 17:37 น.]
อ่าน [2569] ไอพี : 27.145.208.42
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 92,649 ครั้ง
ลำดับดาวเคราะห์
ลำดับดาวเคราะห์

เปิดอ่าน 26,851 ครั้ง
แนวทางจัดทำแผนปฏิบัติการ
แนวทางจัดทำแผนปฏิบัติการ

เปิดอ่าน 8,512 ครั้ง
เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559
เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559

เปิดอ่าน 27,699 ครั้ง
สกิมเมอร์ : เทคโนโลยีโฉดเพื่อทรชน
สกิมเมอร์ : เทคโนโลยีโฉดเพื่อทรชน

เปิดอ่าน 21,470 ครั้ง
ผอมสวยด้วยสมุนไพร..อันตรายที่ควรระวัง
ผอมสวยด้วยสมุนไพร..อันตรายที่ควรระวัง

เปิดอ่าน 10,783 ครั้ง
รวยด้วยมรรค 8
รวยด้วยมรรค 8

เปิดอ่าน 22,035 ครั้ง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560

เปิดอ่าน 41,659 ครั้ง
30 สุดยอดอาหาร ที่เป็นยาดีต่อสุขภาพ
30 สุดยอดอาหาร ที่เป็นยาดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 34,301 ครั้ง
ขิงแก้ผมร่วง
ขิงแก้ผมร่วง

เปิดอ่าน 16,962 ครั้ง
11 เว็บไซต์เรียนภาษาสุดเจ๋ง ที่คนอยากเก่งอังกฤษไม่ควรพลาด!
11 เว็บไซต์เรียนภาษาสุดเจ๋ง ที่คนอยากเก่งอังกฤษไม่ควรพลาด!

เปิดอ่าน 17,439 ครั้ง
5 วิธีทำให้รวยเร็ว
5 วิธีทำให้รวยเร็ว

เปิดอ่าน 14,543 ครั้ง
หยุดมโน นร.นามสกุลยาวสุด ยันตัดต่อหลงเชื่อทั้งประเทศ
หยุดมโน นร.นามสกุลยาวสุด ยันตัดต่อหลงเชื่อทั้งประเทศ

เปิดอ่าน 32,109 ครั้ง
ครู
ครู

เปิดอ่าน 23,101 ครั้ง
การฝึกทักษะการพูดและฟังภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ
การฝึกทักษะการพูดและฟังภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดอ่าน 39,901 ครั้ง
บิดาแห่งโสตทัศนศึกษา
บิดาแห่งโสตทัศนศึกษา

เปิดอ่าน 42,547 ครั้ง
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ
เปิดอ่าน 34,393 ครั้ง
ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ (พระเทพวิทยาคม)
ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ (พระเทพวิทยาคม)
เปิดอ่าน 762 ครั้ง
การอาบน้ำเกิน 10 นาที สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวหนังได้
การอาบน้ำเกิน 10 นาที สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวหนังได้
เปิดอ่าน 15,722 ครั้ง
โทรภาพ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 7
โทรภาพ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 7
เปิดอ่าน 3,764 ครั้ง
เทคนิคการคูณเลข
เทคนิคการคูณเลข

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ