ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชื่อผู้วิจัย นางณพิชญา เลขยันต์ ตำแหน่ง ครู วิยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา ( Research & Development ) มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แผนการศึกษาแห่งชาติ และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทยและกีฬาสากล ทฤษฎีการเรียนรู้ด้วยการสร้างความรู้ ( Constructivist Learning Theory ) ทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivism) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้และการเชื่อมโยงความคิด (Apperception หรือ Herbartianism) ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Classical Connectionnism) ทฤษฎีการเรียนรู้ด้วยกระบวนการค้นพบ (Discovery Learning) และทฤษฎีพหุปัญญา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องความต้องการในการจัดการเรียนรู้พลศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2561 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 30 คน ประเด็นการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการครูหัวน้างานวิชาการโรงเรียนและครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา และประเด็นการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของครูผู้สอนสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาจำนวน 3 คน แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 และผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ตรวจสอบความเหมาะสม/สอดคล้อง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แหล่งข้อมูล/กลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล ๑ (ซอย ๖) จำนวน 31 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive selection) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบประเมินพฤติกกรมสุขภาพ ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจ ,แบบประเมินพฤติกรรมด้านสุขภาพ , แบบประเมินพฤติกรรมด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (คุณธรรม), แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพด้านเจตคติทางการเรียนพลศึกษา, แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพด้านทักษะการเคลื่อนไหวและแบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพด้านสมรรถภาพทางกาย 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพลศึกษา และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและการคิดวิเคราะห์เนื้อหา ( content analysis ) สถิติที่ใช้ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าที ( t-test dependent )

ผลการวิจัย

1. ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า จุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาและจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีเป้าหมายการของการศึกษาที่สอดคล้องกันเพื่อพัฒนาคุณภาพคนให้มีคุณธรรมและมีความรอบรู้ มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และศีลธรรม ซึ่งสาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล เป็นสาระที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนในองค์รวมเป็นการเตรียมเด็กและเยาวชนให้มีพื้นฐานจิตใจที่ดีงาม มีจิตสาธารณะ อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และจากความคิดเห็นของนักเรียนก็มีความต้องการให้ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายผสมผสานกันทุกส่วนด้วยกระบวนการกลุ่มเนื่องจากการสมผสานกันทุกส่วนของร่างกายเป็นสิ่งที่นักเรียนสามารถนำไปใช้ในการเล่นกีฬาและชีวิตประจำวันได้ ส่วนหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนและครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษารวมทั้งครูผู้สอนมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันว่าครูผู้สอนควรปรับปรุงการเรียนการสอนพลศึกษาให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียนและมุ่งเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพให้กับผู้เรียนให้ครอบคลุมทั้ง 5 ด้าน ข้อมูลพื้นฐานในการวิจัยเพียงพอคอบคลุมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการวิจัย เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1

2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า รูปแบบการเรียนการสอนพลศึกษา (MCPC Model ) ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การจูงใจเตรียมความพร้อม (Motivation: M ) ขั้นตอนที่ 2 การสร้างความรู้ (Construction: C ) ขั้นตอนที่ 3 การฝึกปฏิบัติ (Practice: P) ประกอบด้วยการฝึกปฏิบัติโดยการชี้แนะ (Guided Practice) และการฝึกทักษะปฏิบัติอย่างอิสระ (Independent Practice) และขั้นตอนที่ 4 การสรุป (Closing phase) มีความเหมาะสม/สอดคล้องตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.87 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.19 และจากการหาประสิทธิภาพโดยนำไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน พบว่า มีประสิทธิภาพ ( E1/E2 ) โดยภาพรวมเท่ากับ 85.05/89.25 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า จากการนำรูปแบบการเรียนการสอนพลศึกษา (MCPC Model ) ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive selection) หลังการจัดการเรียนรู้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพลศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 26.00 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.85 และมีผลการประเมินพฤติกรรมสุขภาพทั้ง 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านความรู้มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 9.97 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.83 2) ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (คุณธรรมทางการพลศึกษา) มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 18.29 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 5.20 3) ด้านเจตคติทางการเรียนพลศึกษามีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 18.68 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 4.72 4) ด้านทักษะการเคลื่อนไหว มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 13.13 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.20 และ 5) ด้านสมรรถภาพทางกาย มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 21.65 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.870 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 3

4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า หลังการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษา (MCPC Model ) นักเรียนมีพฤติกรรมสุขภาพทั้ง 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านความรู้มีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 29.68 2) ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (คุณธรรมพลศึกษา) มีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 37.84 3) ด้านเจตคติทางการเรียนพลศึกษา มีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 24.88 4) ด้านทักษะการเคลื่อนไหว มีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 27.39 และ 5) ด้านสมรรถภาพทางกาย มีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 47.50 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 4 และด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพลศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 42.40 เป็นไปตาสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 5

5. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนพลศึกษา เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่าหลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอนนักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนอยู่ในระดับสูงมาก เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 6

โพสต์โดย น้ำ : [2 ก.พ. 2565 เวลา 09:47 น.]
อ่าน [823] ไอพี : 171.4.176.107
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 21,872 ครั้ง
ทำไมดวงอาทิตย์ตอนเช้าหรือตอนเย็นจึงดูดวงใหญ่
ทำไมดวงอาทิตย์ตอนเช้าหรือตอนเย็นจึงดูดวงใหญ่

เปิดอ่าน 22,323 ครั้ง
ปลา สัตว์มงคลนำโชคลาภ
ปลา สัตว์มงคลนำโชคลาภ

เปิดอ่าน 17,923 ครั้ง
อันตราย! ขวดนม 80% มีสารเคมีอันตราย กระทบระบบสืบพันธุ์
อันตราย! ขวดนม 80% มีสารเคมีอันตราย กระทบระบบสืบพันธุ์

เปิดอ่าน 110,146 ครั้ง
LMS คืออะไร
LMS คืออะไร

เปิดอ่าน 14,963 ครั้ง
สมุนไพรน่ารู้
สมุนไพรน่ารู้

เปิดอ่าน 14,710 ครั้ง
ใช้เทคโนโลยีสร้าง "การคิดวิเคราะห์"
ใช้เทคโนโลยีสร้าง "การคิดวิเคราะห์"

เปิดอ่าน 12,022 ครั้ง
ต้องดู! คลิปผลงานนศ. ถ่ายทอดเรื่องราวซึ้งกินใจ
ต้องดู! คลิปผลงานนศ. ถ่ายทอดเรื่องราวซึ้งกินใจ

เปิดอ่าน 33,519 ครั้ง
การถวายสังฆทาน
การถวายสังฆทาน

เปิดอ่าน 11,369 ครั้ง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง

เปิดอ่าน 10,302 ครั้ง
วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 8,357 ครั้ง
การปฏิรูปการศึกษาอย่าทำแบบปะผุ...ต้องปรับทั้งระบบ
การปฏิรูปการศึกษาอย่าทำแบบปะผุ...ต้องปรับทั้งระบบ

เปิดอ่าน 90,103 ครั้ง
เสียงร้องทารก บอก"อะไร"คุณแม่
เสียงร้องทารก บอก"อะไร"คุณแม่

เปิดอ่าน 8,256 ครั้ง
ศธ.ให้ความสำคัญครูคนแรกดึงพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งวันครู
ศธ.ให้ความสำคัญครูคนแรกดึงพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งวันครู

เปิดอ่าน 11,442 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาหลังยุค รธน.มีชัย โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
ปฏิรูปการศึกษาหลังยุค รธน.มีชัย โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์

เปิดอ่าน 25,544 ครั้ง
สำนักวิชาการฯ สพฐ. เปิดให้ดาวน์โหลด "แบบฝึกคิดเลขในใจ"
สำนักวิชาการฯ สพฐ. เปิดให้ดาวน์โหลด "แบบฝึกคิดเลขในใจ"

เปิดอ่าน 23,582 ครั้ง
การใช้งานโปรแกรม Google Earth
การใช้งานโปรแกรม Google Earth
เปิดอ่าน 8,314 ครั้ง
  เปิดวงวิพากษ์อินเทอร์เน็ต โลกเสมือนคนยุคใหม่
เปิดวงวิพากษ์อินเทอร์เน็ต โลกเสมือนคนยุคใหม่
เปิดอ่าน 19,258 ครั้ง
อวสาน อ.ก.ค.ศ. โดย อดิศร เนาวนนท์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
อวสาน อ.ก.ค.ศ. โดย อดิศร เนาวนนท์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
เปิดอ่าน 47,809 ครั้ง
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางการฯ 2551 ชั้นป. 6
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางการฯ 2551 ชั้นป. 6
เปิดอ่าน 10,667 ครั้ง
กินแบบไทย ไล่มะเร็ง
กินแบบไทย ไล่มะเร็ง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
Koi360
คลินิกเสริมความงาม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 081-3431047

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ